ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รอยเตอร์: พิธา ‘ลั่น' พรรคก้าวไกลไม่คืนคำ-เดินหน้าแผนปฏิรูปตามสัญญา


Move Forward Party Leader Pita Limjaroenrat speaks during an interview with Reuters in Bangkok, Thailand, July 18, 2023.
Move Forward Party Leader Pita Limjaroenrat speaks during an interview with Reuters in Bangkok, Thailand, July 18, 2023.

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนยันกับรอยเตอร์ในวันอังคารว่า ตนยินดีที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางการเดินหน้าแผนปฏิรูปต่าง ๆ ที่ทางพรรคได้เสนอไว้เพื่อให้ได้รับการรับรองขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาล แต่ยืนยันว่า จะไม่มีวันยอมยกเลิกความตั้งใจที่จะเดินหน้าปรับเปลี่ยนมาตรา 112 เป็นอันขาด

ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับรอยเตอร์ก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 19 กรกฎาคม นายพิธา ระบุว่า ความพยายามของฝ่ายที่มีกองทัพหนุนหลังเพื่อสกัดกั้นตนไม่ให้ขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลนั้นเป็นเหมือน “แผ่นเสียงตกร่อง” และว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคศักราชใหม่ที่ประชาชนปรารถนาที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว

นายพิธา กล่าวว่า “[การลงมติครั้งแรก]เป็นไปตามคาดไว้ไม่มีผิด เรื่องเดิม ๆ แบบเดิม ๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง แต่ความรู้สึกของยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว” และว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพรุ่งนี้ สังคมได้เริ่มเดินไปข้างหน้าแล้ว และเรียกร้องสิ่งใหม่ ๆ ด้วย โดยไม่เหมือนช่วงทศวรรษที่ผ่านไปที่ทุกคนต้องผ่านเวลาอันยากเข็ญมา ... ผมคิดว่า นั่นคือ คำนิยามของความปกติใหม่ เมื่อเราพูดถึงการเมืองไทย”

แม้พรรคก้าวไกลจะสามารถกวาดเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม และได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เห็นด้วยกับแผนการปฏิรูปต่าง ๆ แคนดิเดตนายกฯ วัย 42 ปีนี้ไม่สามารถเรียกเสียงโหวตจากสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลรักษาการได้ตามเป้า โดยมีวุฒิสมาชิกเพียง 13 คนที่ออกเสียงสนับการเสนอชื่อของนายพิธา ในการลงมติเมื่อสัปดาห์ก่อน

ในสัปดาห์นี้ นายพิธาร้องขอให้สมาชิกสภาสูงของไทยพิจารณาการลงมติให้ดีอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า คะแนนเสียงของแต่ละคนนั้นไม่ใช่เพื่อตัวของเขาแต่เพื่อหลักการแห่งประชาธิปไตย โดยกล่าวว่า “มันคงเป็นความแปลกประหลาดที่ไม่สมเหตุสมผลที่พรรคที่ชนะการเลือกตั้งเหนือ[พรรคที่ชนะเป็นอันดับสอง] ถึง 4 ล้านเสียง ถึง 10% จะกลายมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และไม่ได้แม้จะเป็นสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ... เราคงอธิบายให้ทั่วโลกฟังไม่ได้”

และแม้จะต้องเผชิญอุปสรรคที่รออยู่ต่าง ๆ ตั้งแต่ความพยายามของวุฒิสมาชิกบางรายที่แย้งว่า ไม่ควรมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำรอบสอง ไปจนถึงการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญต่อคำฟ้องให้ประกาศว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลขาดคุณสมบัติเพราะกรณีการถือครองหุ้นในบริษัทสื่อ นายพิธา ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะยังเดินหน้าทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ทั้งเรื่องการเสนอญัตติแก้ไขมาตรา 112 การจัดการกับประเด็นการผูกขาดในภาคธุรกิจ รวมทั้งการยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการทำให้กองทัพและการเมืองแยกจากกัน

ทั้งนี้ นายพิธา ยืนยันว่า การแก้ไขมาตรา 112 นั้นไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสถาบันเบื้องสูงของไทย แต่มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า กฎหมายดังกล่าวจะไม่ถูกนำไปใช้อย่างผิด ๆ พร้อมกล่าวเสริมว่า หนทางที่พรรคก้าวไกลพิจารณาในการเดินหน้าแผนงานนี้มีความยืดหยุ่นอยู่ และว่า ในที่สุดแล้ว ประเด็นดังกล่าวเป็นหน้าที่ของรัฐสภาในการตัดสินขั้นสุดท้ายอยู่ดี

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ยังกล่าวด้วยว่า “ผมขอยึดมั่นในสิ่งที่ผมได้สัญญาไว้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งว่า จะทำให้มั่นใจว่า ถ้าเรายังเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นกระทำผิดมิได้ ... สถาบันฯ นั้นอยู่เหนือการเมือง และผมก็จะไม่ปล่อยให้[ประเด็นนี้]เป็นเครื่องมือเพื่อใช้ทำลายคู่แข่งทางการเมืองเป็นอันขาด”

  • ที่มา: รอยเตอร์
XS
SM
MD
LG