สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า (Open Skies Treaty) อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ โดยอ้างว่าเป็นเพราะรัสเซียละเมิดสนธิสัญญาดังกล่าว
สนธิสัญญา Open Skies จัดทำขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อนในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ บุช โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความมั่นคงระหว่างประเทศด้วยการอนุญาตให้ประเทศที่ลงนามสามารถส่งเครื่องบินลาดตระเวณเข้าไปในน่านฟ้าของอีกประเทศหนึ่งได้บางส่วนเพื่อตรวจตรากิจกรรมทางทหารในประเทศผู้ลงนามนั้น
ทำเนียบขาวกล่าวหารัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ลงนามว่าละเมิดสนธิสัญญาดังกล่าว เนื่องจากรัสเซียไม่อนุญาตให้เครื่องบินของสหรัฐฯ เข้าไปในน่านฟ้าเหนือเมืองคาลินอินแกรดติดกับชายฝั่งทะเลบอลติกและจอร์เจีย ซึ่งได้รับอนุญาตภายใต้สนธิสัญญาฉบับนี้
กระทรงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันการถอนตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากครบกำหนด 6 เดือนที่สหรัฐฯ ได้แจ้งล่วงหน้าไปยังประเทศผู้ลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว 34 ประเทศ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ว่าสหรัฐฯ ขอแจ้งความจำนงว่าต้องการออกจากสนธิสัญญาฉบับนี้ ตามที่ระบุไว้ในข้อตกลง
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า "การถอนตัวของสหรัฐฯ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป และสหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศสมาชิกของสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้านับตั้งแต่บัดนี้"
การถอนตัวครั้งนี้ถือเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะดึงสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงระหว่างประเทศ หลังจากเมื่อปีที่แล้วได้ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาควบคุมขีปนาวุธพิสัยกลางที่ทำไว้กับรัสเซียมาก่อนแล้ว
ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โรเบิร์ต โอไบรอัน กล่าวว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "อเมริกามาก่อน" ซึ่งรวมถึงการถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงที่ล้าสมัยและทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบต่อฝ่ายตรงข้ามในด้านความมั่นคง
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มีแถลงการณ์ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ประณามการตัดสินใจของสหรัฐฯ ว่าไม่มีประโยชน์ต่อฝ่ายใดเลย