รัฐบาลปารากวัยประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีโอราซิโอ้ คาร์เตส (Horacio Cartes) จะทำพิธีเปิดสถานทูตแห่งใหม่ที่นครเยรูซาเล็มในวันอังคารหน้า หลังจากที่สหรัฐฯ และกัวเตมาลา เพิ่งเปิดสถานทูตในเยรูซาเล็มไปในต้นสัปดาห์นี้
การตัดสินใจของปารากวัยที่ย้ายสถานทูตไปยังเยรูซาเล็ม ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในปารากวัย เพราะเกิดขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้ง นายมาริโอ แอบโด เบนิเตซ (Mario Abdo Benitez) กำลังจะเข้ารับตำแหน่งแทนประธานาธิบดีโอราซิโอ้ คาร์เตส ในอีกไม่ถึงสองเดือน
นายเบนิเตซ ยืนยันว่าตนไม่เคยได้รับการปรึกษาเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการตัดสินใจย้ายสถานทูตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศยังคงถือให้กรุงเทล อาวีฟ เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และจะยังไม่ย้ายสถานทูตของตนจนกว่าจะมีการจัดการเรื่องสถานะที่ถูกต้องของเยรูซาเล็มให้เรียบร้อย
เมื่อวันจันทร์ รัฐบาลสหรัฐฯ ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็มอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการประท้วงของชาวปาเลสไตน์บริเวณฉนวนกาซ่า
ชาติอาหรับมองว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ครั้งนี้ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นกลาง และยังถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะคนกลางและผู้สนับสนุนกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ยังก่อให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชากรมุสลิม