รัฐบาลสหรัฐฯ ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็มอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการประท้วงของชาวปาเลสไตน์บริเวณฉนวนกาซ่า ซึ่งนำไปสู่ความรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย52 ราย บาดเจ็บอีกหลายร้อยราย หลังเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับทหารอิสราเอล
พิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ที่นครเยรูซาเล็ม จัดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ ห่างจากจุดที่เกิดการประท้วงไม่ถึง 100 กิโลเมตร เป็นการยืนยันจุดยืนของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้เน้นย้ำไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว เรื่องการย้ายสถานทูตและยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธเสียงคัดค้านของรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก
นายแจเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ที่ปรึกษาทำเนียบขาว และบุตรเขยของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่เดินทางไปร่วมในพิธีเปิดสถานทูตที่เยรูซาเล็ม กล่าวว่า
"ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนๆ ต่างล่าถอยจากคำสัญญาที่ว่าจะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ มายังเยรูซาเล็ม แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับเป็นคนเดียวที่กล้าทำ นั่นเพราะประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนที่รักษาคำพูด"
WATCH: US Embassy Jerusalem opens
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวในพิธีเปิดผ่านทางวิดีโอ ประกาศให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ และว่าสหรัฐฯ จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
ด้านรัฐมนตรีการคัลงสหรัฐฯ สตีเว่น มนูชิน (Steven Mnuchin) กล่าวว่า การย้ายสถานทูตครั้งนี้อยู่ภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นหลัก
บรรดาผู้นำชาติอาหรับต่างออกมากล่าวประณามการกระทำของสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีเลบานอน ซาอัด ฮารีรี กล่าวว่าเป็นการยั่วยุ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ระบุว่าเป็น "วันแห่งความน่าอดสูครั้งใหญ่"
ขณะเดียวกัน การประท้วงที่ฉนวนกาซ่าเพื่อต่อต้านสถานทูตแห่งใหม่ของสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปโดยมีผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์เข้าร่วมหลายพันคน
บรรดานักวิจารณ์ต่างตำหนิประณามทหารอิสราเอลที่ใช้กระสุนจริงกับผู้ประท้วง
เมื่อเดือนธันวาคม สันนิบาตชาติอาหรับมีแถลงการณ์เรียกการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ ครั้งนี้ว่าเป็นนโยบายอันตราย ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ถูกมองว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นกลาง และยังถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะคนกลางและผู้สนับสนุนกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ยังก่อให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชากรมุสลิม ซึ่งอาจมีผลให้เกิดความรุนแรงและการนองเลือดในตะวันออกกลาง
ประธานสันนิบาตชาติอาหรับ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับปาเลสไตน์เป็นประเทศ โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง เพื่อตอบโต้ต่อนโยบายของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย นอกจากนี้ยังขอให้สหประชาชาติมีมติประณามการตัดสินใจดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ
Heather Murdock contributed.