นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1900 ที่ชาวอเมริกันจำนวนมากเลือกที่จะตายที่บ้านมากกว่าในโรงพยาบาล ซึ่งรายงานฉบับใหม่ชี้ว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะมีจุดจบของชีวิตในแบบที่ตนต้องการ และรายงานยังระบุว่าการเสียชีวิตตาม Nursing Home หรือบ้านพักคนชราก็ลดลงด้วยเช่นเดียวกัน
นายแพทย์ Haider Warraich ที่ศูนย์สุขภาพ Veterans Affairs Boston Healthcare หัวหน้าการศึกษาวิจัยครั้งนี้กล่าวว่า การที่ชาวอเมริกันจำนวนมากเลือกที่จะจบชีวิตในบ้านของตัวเอง เป็นสิ่งที่ดี เพราะตามโรงพยาบาลต่างๆ มีการให้การรักษาพยาบาลมากจนเกินความจำเป็นก่อนที่ผู้สูงอายุจะเสียชีวิตลงตลอดช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
Betsy McNair มัคคุเทศก์ซึ่งอาศัยอยู่ที่ประเทศเม็กซิโกบอกกับผู้สื่อข่าว Associated Press ว่าเธอรู้สึกยินดีที่ได้ช่วยเหลือคุณพ่อของเธอ Robert McNair ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายในบ้านของตัวเองที่ Belle Haven รัฐ Virginia เมื่อปีพ.ศ. 2552 หลังจากที่ทราบว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งปอดเพียงหกสัปดาห์ ในวัย 83 ปี
Betsy จำได้ว่า เธอทำอาหารทุกอย่าง และทุกๆ เวลาที่เขาต้องการ คุณพ่อของเธอได้ดื่มเหล้า Scotch ทุกคืน และหากเขาตื่นขึ้นมาตอนตีสองและต้องการดื่มกาแฟและพาย เขาก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ เรียกได้ว่าเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น
Haider Warraich และ Sarah Cross บัณฑิตมหาวิทยาลัย Duke ได้ร่วมศึกษาข้อมูลด้านสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 จนถึงพ.ศ. 2560 และเขาพบว่าการเสียชีวิตในโรงพยาบาลลดลงจาก 40% เป็น 30% ในช่วงระยะเวลานั้นและตามบ้านพักคนชราก็ลดลงจาก 24% เป็น 21%
อย่างไรก็ดีการเสียชีวิตในบ้านเพิ่มขึ้นจาก 24% เป็น 31% ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่าเราไม่มีทางที่จะบอกได้เลยการเสียชีวิตว่าตามศูนย์ที่ให้ความช่วยเหลือในบั้นปลายของชีวิตบางแห่งนั้นอาจถูกนับให้เป็นบ้านด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตที่บ้านมากกว่าที่โรงพยาบาล ส่วนผู้สูงอายุที่ต้องทนทุกข์จากการสูญเสียความทรงจำ ป่วยเป็นโรคปอด หรืออาศัยอยู่ตามบ้านพักคนชรามีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตในโรงพยาบาล
Betsy McNair ตั้งข้อสังเกตว่าชนิดของโรคนั้นก็มีส่วนสำคัญ เธอเคยช่วยดูแลพี่ชายทีป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้อลีบหรืออ่อนแรงหรือ (ALS) ในช่วงอายุ 50 ปีของเขา นอกจากนี้เธอยังเคยช่วยดูแลคุณแม่ซึ่งเสียชีวิตในวัย 92 ปีที่บ้านพักคนชราหลังจากที่สุขภาพของเธอย่ำแย่ลง เธอเล่าว่าประสบการณ์เหล่านี้ล้วนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และบางครั้งเราไม่สามารถดูแลสมาชิกในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ในบ้านของตัวเอง
นายแพทย์ Haider Warraich จากศูนย์สุขภาพ Veterans Affairs Boston Healthcare กล่าวอีกว่าสถานบริการให้การดูแลผู้ป่วยที่ป่วยหนักก่อนจะเสียชีวิตที่มีเพิ่มมากขึ้นนั้น ได้ช่วยให้ผู้คนจำนวนมากได้ใช้ชีวิตบั้นปลายในบ้านของตัวเอง และว่าเขาได้พบกับผู้ป่วยหลายคนที่ต้องการใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในบ้านกับสุนัขตัวโปรด นอนบนเตียงของตัวเอง และได้ทานอาหารในบ้านของตน
รายงานการค้นพบนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสารการแพทย์ The New England Journal of Medicine ฉบับเมื่อเดือนที่แล้ว