รัฐบาลฮอนดูรัสประกาศจัดตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลกรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์ หลังตัดสัมพันธ์กับไต้หวันซึ่งอยู่ในภาวะถูกโดดเดี่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีรัฐเอกราชเพียง 13 แห่งเท่านั้นที่ให้การรับรองสถานะของเกาะที่ปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตยนี้
ในพิธีจัดตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนและฮอนดูรัสร่วมกันลงนามในแถลงการณ์ร่วมที่กรุงปักกิ่ง ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกการตัดสินใจของรัฐบาลฮอนดูรัสว่า เป็น “ทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว”
การลงนามในแถลงการณ์ร่วมครั้งนี้เกิดขึ้น หลังรัฐบาลฮอนดูรัสและรัฐบาลไต้หวันต่างออกประกาศของตนเพื่อยืนยันว่า ต่างตัดสัมพันธ์ระหว่างกันแล้ว
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศฮอนดูรัสยังระบุในแถลงการณ์ที่โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ด้วยว่า รัฐบาลของตนยอมรับ “จีนเพียงแห่งเดียวในโลก” และว่า กรุงปักกิ่ง “คือรัฐบาลอันชอบธรรมเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด” และยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ไต้หวันเป็นส่วนที่แบ่งแยกไม่ได้ของเขตแดนจีน และ ณ วันนี้ รัฐบาลฮอนดูรัสได้แจ้งต่อไต้หวันเกี่ยวกับการตัดสัมพันธ์ทางการทูต และการให้คำมั่นว่าจะไม่มีความสัมพันธ์หรือติดต่อไต้หวันอย่างเป็นทางการอีกต่อไป”
โจเซฟ วู รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันระบุระหว่างการแถลงข่าวในวันอาทิตย์ว่า ไต้หวันยุติความสัมพันธ์กับฮอนดูรัส “เพื่อปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของตน” และว่า ประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตรและทีมงานของเธอ “นึกฝัน” เกี่ยวกับจีนมาตลอด และมีการหยิบยกประเด็นการเปลี่ยนสลับความสัมพันธ์มาตั้งแต่ก่อนการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีฮอนดูรัสเมื่อปี ค.ศ. 2021 ด้วย โดยความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและฮอนดูรัสเคยมั่นคงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่จีนก็ไม่เคยลดละความพยายามที่จะดึงฮอนดูรัสเข้าหาตน
รมต.วู เปิดเผยด้วยว่า ฮอนดูรัสเคยขอความช่วยเหลือมูลค่า 2,450 ล้านดอลลาร์จากไต้หวันเพื่อนำไปใช้สร้างโรงพยาบาลและเขื่อน และเพื่อนำไปล้างหนี้ แต่ก็นำประเด็นนี้มาเปรียบเทียบข้อเสนอที่ได้จากจีนด้วย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน กล่าวว่า รัฐบาลของเธอจะไม่ “เข้าร่วมในการแข่งขันในด้านการทูตอิงการเงินอันไร้ความหมายกับจีน” โดยระบุในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ออกมาว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนพยายามอย่างไม่ย่นย่อด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อกดการมีส่วนร่วมในสังคมโลกของไต้หวัน ยกระดับการบุกรุกด้วยกำลังทหาร และรบกวนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคด้วย”
อย่างไรก็ดี กราโก เปเรซ นักวิเคราะห์ด้านการเมืองในฮอนดูรัสเตือนว่า การที่รัฐบาลหันไปผูกสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนนั้นอาจไม่เป็นไปดังหวัง แม้ว่า กรุงปักกิ่งจะสัญญาผลประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งการลงทุนและการสร้างงานไว้ “แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นเพียงภาพลวงตา”
เปเรซ ชี้ว่า บางประเทศที่หันมาจัดตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน แต่ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังที่มีการเสนอไว้เลย”
ทั้งนี้ ฮอนดูรัสเป็นพันธมิตรทางการทูตประเทศที่ 9 ที่ไต้หวันสูญเสียให้กับรัฐบาลปักกิ่ง นับตั้งแต่ปธน.ไช่ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล โดยปัจจุบัน ไต้หวันยังมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับเบลีซ ปารากวัย และกัวเตมาลา ในละตินอเมริกา และนครวาติกัน ขณะที่ หุ้นส่วนส่วนใหญ่ของรัฐบาลไทเปนั้นเป็นประเทศหมู่เกาะในแคริบเบียนและแปซิฟิกใต้ รวมทั้งเอสวาตินี ในแอฟริกา
- ที่มา: เอพี
