สหภาพยุโรป (อียู) สั่งดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศีลธรรมของอิหร่านและรัฐมนตรีข่าวสารของกรุงเตหะราน จากกรณีมีส่วนร่วมในการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง
อียู ออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคล 11 คน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่อาวุโส 2 นายของตำรวจศีลธรรมอิหร่าน และ อิสซา ซาเรปูร์ รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสาร ที่เป็นผู้สั่งการปิดระบบอินเทอร์เน็ตหลังเริ่มมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากการเสียชีวิตของหญิงสาววัย 22 ปี ระหว่างถูกควบคุมตัวจากข้อหาสวมผ้าคลุมผม (ฮิญาบ) ไม่เรียบร้อย
นอกจาก ถูกอายัดทรัพย์แล้ว ทุกคนยังถูกสั่งห้ามเดินทางเข้ายุโรปด้วย
รัฐมนตรีต่างประเทศอียู ซึ่งประชุมกันอยู่ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก ยังพุ่งเป้าการลงโทษไปยังกองกำลังบังคับใช้กฎหมายอิหร่าน (Iranian Law Enforcement Forces) และผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่นหลายนาย “สำหรับการมีส่วนร่วมในการปราบปรามการประท้วงด้วยความโหดเหี้ยม”
การประท้วงในอิหร่านเริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อกลางเดือนกันยายน หลังการจับกุมและเสียชีวิตของ มาห์ซา อะมินี วัย 22 ปี โดยมีผู้ประท้วงหลายสิบคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง
อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมัน กล่าวว่า อียู “ไม่สามารถและไม่ยอมปิดตา” ไม่มองดูการปราบปรามในอิหร่าน และว่า “เป็นเรื่องชัดเจนแล้วว่า หากรัฐบาลนี้ยังคงเดินหน้าทุบตีทำร้ายประชากรแบบนี้ จะมีการดำเนินมาตรการลงโทษที่พุ่งเป้าไปยังผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำเช่นนี้ต่อไป”
แถลงการณ์ของอียูยังประณาม “การใช้กำลังอย่างหนักหน่วงและกว้างขวางต่อผู้ประท้วงอย่างสันติ ... นี่เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและยอมรับไม่ได้ ... ผู้คนในอิหร่าน เช่นเดียวกับทุก ๆ ที่ ต่างมีสิทธิ์ที่จะประท้วงอย่างสันติและสิทธิ์เช่นนี้ต้องคงอยู่ต่อไปภายใต้ทุกสถานการณ์”
รัฐมนตรียุโรปหลายคนออกมาเตือนว่า จะมีการพิจารณาสั่งดำเนินการลงโทษเพิ่มต่อกรุงเตหะราน หากพิสูจน์ได้ว่า รัฐบาลอิหร่านแทรกแซงการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน”
หลายฝ่ายเชื่อว่า รัสเซียซื้อโดรนติดระเบิดที่ใช้โจมตียูเครนในช่วงที่ผ่านมาจากอิหร่าน แม้กรุงเตหะรานจะปฏิเสธและยืนยันว่า ไม่ได้มีการขายอาวุธที่ปราศจากคนควบคุมนี้
- ที่มา: วีโอเอ
