ทางการอิหร่านจับกุมผู้ประท้วงกว่า 1,200 คน ในการปราบปรามการประท้วงที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงคืนที่ 10 สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของสตรีชาวเคิร์ด มาห์ซา อะมินี ระหว่างการถูกตำรวจศีลธรรมของอิหร่านควบคุมตัวด้วยข้อหาสวมฮิญาบไม่เรียบร้อย
มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการประท้วงครั้งนี้แล้วหลายสิบคน ขณะที่ความตึงเครียดยิ่งเพิ่มขึ้นในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ
สตรีชาวอิหร่านหลายคนตัดผมตัวเองในที่สาธารณะ หรือจุดไฟเผาผ้าคลุมผมบนท้องถนน เพื่อแสดงกาารต่อต้านการควบคุมจำกัดเสรีภาพของสตรี ขณะที่ผู้ร่วมประท้วงต่างตะโกนขับไล่เผด็จการ และเรียกร้องให้ผู้นำสูงสุดของอิหร่านวัย 83 ปี อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนนี ลาออกจากตำแหน่ง
การประท้วงในอิหร่านลุกลามไปเป็นความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลอิหร่านกับชาติตะวันตก เมื่อเยอรมนีเรียกตัวทูตอิหร่านประจำกรุงเบอร์ลินเข้าพบ และก่อนหน้านี้หนึ่งวัน อิหร่านเรียกตัวเอกอัครราชทูตอังกฤษและนอร์เวย์เข้าพบเพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการเช่นกัน โดยระบุว่าทั้งสองประเทศแทรกแซงกิจการของอิหร่านและมีการรายงานข่าวที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐบาลกรุงเตหะราน
Global Protests Over Death of Iranian Woman Grow
ประชาชนในหลายประเทศ รวมทั้งในบราซิล อังกฤษ และฝรั่งเศส ต่างรวมเดินขบวนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อประท้วงสิ่งที่เกิดขึ้นในอิหร่าน และเรียกร้องสิทธิสตรี
กลุ่มสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า มีหลักฐานว่ากองกำลังความมั่นคงอิหร่านสลายผู้ประท้วงโดยใช้วิธีที่มิชอบด้วยกฎหมาย เช่น ใช้กระสุนลูกปราย แก๊สน้ำตา เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง รวมถึงใช้กระบองทุบตีผู้ชุมนุม ขณะที่บรรดาผู้ประท้วงตอบโต้ด้วยก้อนหิน และจุดไฟเผายานพาหนะของตำรวจ
กลุ่มสิทธิมนุษยชน IHR รายงานในวันอาทิตย์ว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 57 คน ขณะที่สื่อของทางการอิหร่านระบุว่า มีการจับกุมผู้ประท้วงราว 450 คนที่จังหวัดมาซานดาราน และอีกกว่า 700 คนที่จังหวัดกีลาน
หัวหน้าอัยการจังหวัดมาซานดาราน โมฮัมหมัด คาริมี กล่าวกับสื่อของทางการอิหร่าน IRNA ว่า "ผู้ประท้วงพากันโจมตีอาคารของรัฐบาลและทำลายทรัพย์สินสาธารณะ" พร้อมกล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่จต่างชาติเป็นผู้ปลุกปั่นความวุ่นวายในอิหร่านครั้งนี้
ทางการอิหร่านใช้วิธีปิดกั้นการเผยแพร่ข่าวการประท้วงตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้ง อินสตาแกรม (Instagram) และวอทส์แอปป์ (WhatsApp) แต่ยังคงมีวิดีโอการประท้วงจำนวนมากถูกเผยแพร่ออกมาในวันอาทิตย์ แสดงให้เห็นผู้คนจำนวนมากชุมนุมตามท้องถนนในกรุงเตหะราน เมืองยาซห์ เมืองอิซฟาฮาน และเมืองบูเชห์ร
องค์กรสิทธิมนุษยชนชาวเคิร์ด Hengaw เปิดเผยว่า มีการประท้วงที่เมืองแซกเกซ บ้านเกิดของอะมินี ท่ามกลางการควบคุมอย่างเข้มงวดของกองทัพอิหร่าน และมีรายงานว่าเด็กหญิงวัย 10 ขวบผู้หนึ่งถูกยิงที่เมืองบูกาน และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
นอกจากนี้ มีรายงานจากหลายแหล่งที่ระบุว่า นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเตหะราน มหาวิทยาลัยอัล-ซาห์รา และสถาบันชารีฟ ต่างประท้วงไม่เข้าห้องเรียน เพื่อแสดงพลังสนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ด้วย
เมื่อวันอาทิตย์ โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป มีแถลงการณ์ประณามรัฐบาลอิหร่าน โดยชี้ว่า "การใช้กำลังอย่างกว้างขวางและไม่เหมาะสมต่อผู้ประท้วงอย่างสันติ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่อาจยอมรับได้" และว่า "อียูจะพิจารณาทางเลือกทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อจัดการกับเหตุการณ์สังหารมาห์ซา อะมินี และการกระทำของรัฐบาลอิหร่านต่อบรรดาผู้ประท้วง"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวที่การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สดุดีบรรดาผู้ประท้วงในอิหร่าน และว่า "อเมริกายืนเคียงข้างประชาชนและสตรีผู้กล้าหาญของอิหร่าน ผู้ซึ่งชุมนุมแสดงจุดยืนเพื่อรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขา"
- ที่มา: เอเอฟพี
