ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ชาวจีนวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกรณีรับมือโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่


Volunteers in protective suits disinfect a railway station as the country is hit by an outbreak of the new coronavirus, in Changsha, Hunan province, China February 4, 2020.
Volunteers in protective suits disinfect a railway station as the country is hit by an outbreak of the new coronavirus, in Changsha, Hunan province, China February 4, 2020.
please wait

No media source currently available

0:00 0:07:19 0:00

สถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ยังเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ที่นำมาซึ่งคำวิจารณ์จากชาวจีนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการรับมือกับวิกฤตินี้

ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นรายวัน โดยตัวเลขส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน รายงานข่าวจากประเทศที่มีประชากรเกือบ 1.4 พันล้านคนนี้ มักเสนอภาพข้าราชการปฏิเสธความรับผิดชอบและโทษฝ่ายอื่นว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น

ประเด็นสำคัญที่สุดจากการระบาดครั้งนี้ คือการที่ได้เห็นว่ารัฐบาลท้องถิ่นไม่ลงมือทำอะไรเลยและกลัวที่จะทำอะไรสักอย่างด้วย
สุ่ย ไค่เจิน, นักเขียนเจ้าของหนังสือขายดี

สุ่ย ไค่เจิน นักเขียนเจ้าของหนังสือขายดีเกี่ยวกับการเมืองและระบบราชการของจีน ให้ความเห็นว่า “ประเด็นสำคัญที่สุดจากการระบาดครั้งนี้ คือการที่ได้เห็นว่ารัฐบาลท้องถิ่นไม่ลงมือทำอะไรเลยและกลัวที่จะทำอะไรสักอย่างด้วย” โดยเขาบอกว่า ข้าราชการส่วนใหญ่กลัวที่จะเจ็บตัว ไม่กล้าทำอะไร และเลือกที่จะรอผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าตัดสินใจและทำตามคำสั่ง มากกว่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ตนดูแลอยู่

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ซึ่งเป็นเสนอรายงานเรื่องนี้ ระบุว่า ผู้นำรัฐบาลกรุงปักกิ่งเองเข้าใจถึงปัญหา และกล่าวในระหว่างการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “เป็นเหมือนบททดสอบสำคัญสำหรับระบบและความสามารถในการกำกับดูแลของจีน”

รายงานข่าวยังบอกด้วยว่า ประชาชนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ขณะที่ข้าราชการในเมืองอู่ฮั่นและอีกหลายเมืองไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ ทั้งยังพยายามไม่ให้ความสำคัญต่อภัยคุกคามของไวรัส รวมทั้งต่อว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่พยายามออกมาเตือนด้วย

ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น หลายคนในจีนเริ่มหันไปมองหาคำตอบจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งหลายคนกล่าวโทษว่าเป็นผู้ริเริ่มวัฒนธรรมของความเกรงกลัวและยอมสยบต่อผู้มีอำนาจ ขณะที่ผู้นำจีนเองก็ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะมาสักระยะหนึ่งแล้ว

ภายใต้วัฒนธรรมนี้ ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนชี้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลายมักใช้เวลาส่วนใหญ่ทำให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลเห็นว่าตนมีความภักดีมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยไม่สนใจว่าต้องแสดงความรับผิดชอบในหน้าที่หรือไม่

ตัวอย่างที่รายงานข่าวยกมาอ้างคือ การที่นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น นายโจว เซียนวัง บอกก่อนหน้านี้ว่า เขาไม่ได้เปิดเผยระดับความอันตรายของสถานการณ์การระบาดตั้งแต่ต้น เพราะเขาต้องรอการอนุญาตจากเบื้องบนเสียก่อน ส่วนคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติ (National Health Commission) ของจีนซึ่งมีอำนาจประกาศภาวะฉุกเฉินของสถานการณ์การระบาด เพิ่งจะออกประกาศดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มกราคม พร้อมๆ กับโทษทางการท้องถิ่นว่าทำให้ต้องออกประกาศช้า

ขณะเดียวกัน หวัง กวงฟา ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขอันดับต้นๆ ของรัฐบาลจีน ออกมาให้ความมั่นใจกับประชาชนก่อนหน้านี้ว่า สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เสียเอง และออกมาแก้ตัวว่า ประชาชนเข้าใจสิ่งที่เขากล่าวผิด

รายงานข่าวระบุว่า หลังสถานการณ์การระบาดครั้งนี้คลี่คลายลง รัฐบาลจีนน่าจะลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ 2-3 คนอย่างหนักเพื่อรักษาหน้าและกู้ชื่อเสียง แต่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อาจจะเสียความรู้สึกอีกนาน

XS
SM
MD
LG