อังกฤษกล่าวเรียกร้องให้รัสเซียเลือกแนวทางทางการทูตเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการนองเลือด พร้อมเตือนรัสเซียให้งดเว้นการกระทำที่บ่อนทำลายอธิปไตยของยูเครน
รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ลิซ ทรัสส์ กล่าวระหว่างการเยือนรัสเซียเพื่อพบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ในวันพฤหัสบดี โดยระบุว่า หากเกิดสงครามในยูเครนขึ้นจริงจะกลายเป็นหายนะต่อประชาชนยูเครนและรัสเซีย รวมทั้งความมั่นคงของยุโรปโดยรวม
รัฐมนตรีทรัสส์ กล่าวด้วยว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ได้ยืนยันชัดเจนว่า หากรัสเซียบุกรุกยูเครนจะมีผลกระทบใหญ่หลวงตามมาซึ่งรัสเซียต้องชดใช้อย่างสาหัส
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า การเจรจาอย่างเคารพซึ่งกันและกันเท่านั้นที่จะนำไปสู่การกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติได้ ในขณะที่การข่มขู่คุกคามจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้น
ด้านเลขาธิการนาโต้ พลเอกเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า ตนได้ส่งจดหมายเชิญไปยังรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเพื่อให้ร่วมประชุมหารือเพิ่มเติมเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ โดยทางนาโต้พร้อมรับฟังความกังวลของรัสเซียและหารือเรื่องการเพิ่มความมั่นคงในยุโรป
เลขาธิการนาโต้ยังได้ยืนยันจุดยืนที่ว่า รัสเซียจะไม่มีอำนาจยับยั้งประเทศใดก็ตามที่ต้องการเข้าร่วมกับองค์การนาโต้ พร้อมเสริมว่า ท่าทีก้าวร้าวของรัสเซียจะยิ่งนำไปสู่การเพิ่มกำลังทหารของนาโต้มากยิ่งขึ้น
เมื่อวันพุธ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัสเซีย เดินทางไปเบลารุสเพื่อดูแลการซ้อมรบของทหารรัสเซีย 30,000 คนด้วยตัวเอง โดยจะมีการซ้อมรบร่วมกับทหารของเบลารุสซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซีย เป็นเวลา 10 วันเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี ในบริเวณใกล้กับพรมแดนด้านเหนือของยูเครน
ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้เคลื่อนยานพาหนะติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ เอส-400 สองคัน และเครื่องบินรบอีกหลายลำไปยังเบลารุสเพื่อใช้ในการซ้อมรบครั้งนี้ ซึ่งมีขึ้นห่างจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เพียง 210 กม. นอกจากนี้กองทัพรัสเซียยังส่งเรือรบหลายลำไปประจำการในทะเลดำ พร้อมเคลื่อนกำลังพลมากกว่า 100,000 คน ติดกับพรมแดนด้านตะวันออกของยูเครน
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกรุงเคียฟได้ประกาศซ้อมรบเป็นเวลา 10 วันเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน โดยระบุว่าจะเป็นการทดสอบเครื่องบินแบบไร้คนขับและจรวดต่อต้านรถถังซึ่งเป็นอาวุธที่ชาติตะวันตกส่งให้ยูเครน
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์