ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผลวิจัยชี้ ‘ลังเลฉีดวัคซีนโควิด’ สร้างความเสี่ยงไวรัสระบาดไม่หยุด


FILE - A member of the New York Police Department rolls up his sleeve before receiving a dose of the Moderna COVID-19 vaccination at Queens Police Academy in the Queens borough of New York, Jan. 11, 2021.
FILE - A member of the New York Police Department rolls up his sleeve before receiving a dose of the Moderna COVID-19 vaccination at Queens Police Academy in the Queens borough of New York, Jan. 11, 2021.

ผลการสำรวจครั้งใหญ่ซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัย Gallup ชี้ว่า ความลังเลของผู้คนทั่วโลกที่ยังไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 กำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสอย่างถาวรได้

การสำรวจซึ่งจัดทำใน 117 ประเทศ พบว่ามีประชาชนไม่ถึง 70% ใน 79 ประเทศที่ยืนยันว่าจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดที่จะสามารถทำให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” ตามคำจำกัดความของนักวิทยาศาสตร์

ในจำนวนนี้มี 20 ประเทศ ที่ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่บอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนโควิด รวมทั้งในรัสเซีย โคโซโว และเซเนกัล และหากประเมินตัวเลขในวงกว้างอ้างอิงจากผลสำรวจนี้ พบว่ามีประชากรโลกมากกว่า 1,000 ล้านคนที่ปฏิเสธวัคซีน จากจำนวนทั้งหมด 7,600 ล้านคน

เวลานี้บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ พยายามฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ถึง 70% เป็นอย่างน้อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำหรับการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส และป้องกันไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์

แต่ จูลี่ เรย์ บรรณาธิการบริหารของบริษัท Gallup กล่าวว่า ตัวเลขในการสำรวจชี้ให้เห็นว่า ประชากรโลกราว 68% ยังไม่ยอมรับการฉีดวัคซีน ซึ่งหมายความว่าภูมิคุ้มกันหมู่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความลังเลนี้น่าจะลดลงเมื่อประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้จริง ๆ โดยในขณะที่เริ่มทำการสำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว มีหลายประเทศซึ่งยังไม่ได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศนั้น ๆ

สหรัฐฯ คือตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ โดยผลการสำรวจของ Gallup ระหว่างเดือนสิงหาคม - ตุลาคมปีที่แล้ว พบว่า 46% ของคนอเมริกันบอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีนโควิด แต่ในการสำรวจล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 26% ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการเข้าถึงวัคซีน การกระจายความรู้แก่ประชาชน และการรายงานข่าวของสื่อต่าง ๆ

ขณะที่ผลการสำรวจของมูลนิธิไกเซอร์แฟมิลี่ (Kaiser Family Foundation) เมื่อเดือนธันวาคม ชี้ว่า ราว 40% ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าจะรอดูผลการฉีดวัคซีนของคนอื่นก่อน จนมาถึงเดือนมีนาคม สัดส่วนของกลุ่มที่ “รอดูผลก่อน” ลดลงเหลือเพียง 17% ถึงกระนั้น ตัวเลขของกลุ่มที่ไม่ยอมรับวัคซีนมิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก กล่าวคือลดลงจาก 15% เป็น 13% ในช่วงเวลาสามเดือนที่ทำการสำรวจดังกล่าว

จูลี่ เรย์ จากบริษัท Gallup เชื่อว่า ในบางประเทศ ประชาชนยังลังเลที่จะฉีดวัคซีนเพราะไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล หรือไม่มั่นใจในตัววัคซีนที่ประเทศนั้นมีอยู่ และอาจได้รับข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน

XS
SM
MD
LG