ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ถ้าวัคซีนโควิด-19 มา หน้ากากอนามัยจะยังอยู่หรือไป?


Will Mask Outlast Pandemic
please wait

No media source currently available

0:00 0:03:08 0:00

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขคาดว่าวัคซีนป้องกันโควิด 19 อาจมีใช้สำหรับผู้คนทั่วไปในสหรัฐฯ หลังช่วงไตรมาสที่สองหรือสามของปีหน้า แต่คำถามขณะนี้ก็คือ คนอเมริกันจะยังสวมหน้ากากต่อไปหรือไม่?

ขณะที่การติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา เพิ่มขึ้นในอัตราวันละราว 100,000 คนนั้น ขณะนี้มีรัฐต่าง ๆ 34 รัฐ รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ที่กำหนดให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้านหรือไปในที่สาธารณะ แต่คำถามก็คือคำสั่งดังกล่าวจะใช้ได้ผลและพฤติกรรมที่ว่านี้จะยังอยู่ต่อไปหลังจากที่เริ่มมีวัคซีนใช้แล้วหรือไม่

ขณะนี้มีคนบางกลุ่มในสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมสวมหน้ากากโดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและการไม่ใช้หน้ากากก็ถือเป็นการแสดงออกทางการเมืองอย่างหนึ่ง ดังนั้น นายแพทย์บอริส ลัชเนียก คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมรีแลนด์ จึงเชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอเมริกันยอมทำตามถึงแม้พฤติกรรมบางอย่าง เช่น การจับมืออาจเป็นที่นิยมน้อยลง

และเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์เอรอน แกล็ท โฆษกของสมาคมแพทย์โรคติดเชื้อของสหรัฐฯ ก็ชี้ว่า โดยรวมแล้วคนอเมริกันอาจต้องคิดซ้ำในเรื่องการสัมผัสใกล้ชิดทางสังคม โดยเฉพาะเรื่องรูปแบบของการทักทาย อย่างเช่น การสัมผัสมือ การสวมกอด หรือการจูบคนแปลกหน้า และหันไปใช้วิธีอื่น เช่นการสัมผัสศอกหรือยกมือไหว้ เป็นต้น

นอกจากนั้น อาจารย์มาเธมาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ยังบอกว่า นิสัยการรักความสะอาดอื่น ๆ เช่น การล้างมือและการทำความสะอาดพื้นผิวอาจเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำของเรื่องนี้คือธุรกิจต่าง ๆ เช่น ร้านค้า โรงแรม ภัตตาคาร และสายการบินที่หันมาใช้ระบบไร้สัมผัส อาทิเช่น การไม่ใช่เมนูกระดาษ และการมีมาตรฐานเรื่องการทำความสะอาดและระบบกรองอากาศที่เข้มงวดมากขึ้น เป็นต้น

และนายแพทย์บอริส ลัชเนีย ได้ชี้ว่า ภาคธุรกิจและภาคบริการน่าจะเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงเรื่องมาตรการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยให้ทุกคนยอมรับและใช้ข้อได้เปรียบที่ว่านี้เป็นจุดขายได้ด้วย

นอกจากนั้น คุณหมอบอริส ลัชเนียก จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมรี่แลนด์ ผู้เคยเป็นอดีตรองแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ยังชี้ว่าผลกระทบที่สำคัญอย่างหนึ่งจากโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ คือเรื่องการทำงานจากที่บ้านและการลาป่วย เพราะก่อนหน้านี้ผู้คนอาจไม่อยากลาป่วยเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นสัญญาณเรื่องความอ่อนแอ

แต่ในยุคของโควิด-19 การแจ้งต่อหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานว่าเรามีอาการป่วยและขอเลือกทำงานจากที่บ้านแทนเพื่อความแน่ใจนั้น น่าจะเป็นการส่งสัญญาณเกี่ยวกับความเอื้ออาทรและความใส่ใจต่อส่วนรวมมากกว่าที่จะเป็นการยอมรับเรื่องความอ่อนแอ

XS
SM
MD
LG