ผลการสำรวจของ Morning Consult - Politico แสดงว่า 66% ของผู้มีสิทธิออกเสียงชาวอเมริกันกล่าวว่า ตนมีเหตุผลจูงใจที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ โดยชาวพรรคเดโมแครตดูจะมีความกระตือรือร้นมากกว่าสมาชิกของพรรครีพับลิกันในสัดส่วน 50% ต่อ 43%
แรงกระตุ้นจูงใจของสมาชิกพรรคเดโมแครตสะท้อนให้เห็นได้จากการเลือกตั้งขั้นต้นภายในพรรค และการเลือกตั้งซ่อมต่างๆ โดยแนวหาเสียงของพรรคขณะนี้เป็นการต่อต้านโจมตีประธานาธิบดีทรัมป์
ในส่วนของพรรครีพับลิกันเอง นอกจากจะต้องรับมือกับพลังของชาวเดโมแครตซึ่งได้รับการกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาหลังจากความพ่ายแพ้เมื่อสองปีที่แล้ว ประวัติศาสตร์ก็ยังไม่เข้าข้างพรรครีพับริกันด้วย เพราะเท่าที่ผ่านมาพรรคของประธานาธิบดี มักเสียที่นั่งในสภาจากการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งแรก คือสองปีหลังการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีนั้นต่ำกว่าเกณฑ์ 50% โดยขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมอยู่ที่ระดับ 39%
ในส่วนของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น แม้จะมีฐานเสียงที่ยังให้ความสนับสนุนอยู่อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ทำงานในโรงงานผลิตและในภาคอุตสาหกรรม และได้ออกไปหาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัครของพรรคที่ตนให้ความเห็นชอบก็ตาม
แต่ก็มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจกำลังสร้างปัญหาเป็นแรงฉุดให้กับพรรครีพับลิกันได้ เพราะบทบาทของผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ยิ่งช่วยกระตุ้นสมาชิกของพรรคเดโมแครตให้ต้องการออกไปใช้สิทธิเพื่อต่อต้าน
ในขณะนี้พรรคเดโมแครตต้องการที่นั่งในสภาล่างเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 24 ที่นั่ง เพื่อกลายเป็นพรรคเสียงข้างมาก และควบคุมการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ รวมทั้งต้องการที่นั่งในวุฒิสภาเพิ่มขึ้นอีกสองที่นั่งเพื่อควบคุมการทำงานของสภาสูง
และจากผลการสำรวจความคิดเห็นสองครั้งหลังสุด ขณะนี้คนอเมริกันราว 51 - 52% กล่าวว่า ตนพร้อมจะลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคเดโมแครต เมื่อเทียบกับกับ 41 – 42% สำหรับพรรครีพับริกัน
ผลการสำรวจยังแสดงด้วยว่า ประเด็นปัญหาซึ่งเป็นข้อกังวลของคนอเมริกันก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ คือเรื่องเศรษฐกิจ การดูแลสุขภาพ ผู้อพยพเข้าเมือง และเรื่องอาวุธปืน
แต่ไม่ว่าความกังวลของคนอเมริกันจะเป็นอย่างไรก็ตาม ความเห็นที่ตรงกันอย่างน้อยสองเรื่องในขณะนี้ก็คือ สังคมอเมริกันซึ่งกำลังถูกแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายกำลังมุ่งหน้าไปสู่การประจันหน้าในคูหาเลือกตั้ง และตัวประธานาธิบดีทรัมป์รวมทั้งรูปแบบการทำงานก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการตัดสินใจลงคะแนน
และจะทำให้การเลือกตั้งกลางเทอมซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสามเดือนต่อจากนี้ จะเป็นการแสดงประชามติเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย