กลุ่มคนผิวขาวแนวคิดสุดโต่ง เดินขบวนหน้าทำเนียบขาวใจกลางกรุงวอชิงตัน ในวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี การชุมนุมที่รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเกิดความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิต
โดยคนกลุ่มนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงพลังเรียกร้อง "สิทธิประชาชนของคนผิวขาว" ท่ามกลางการต่อต้านของ "กลุ่มต้านแนวคิดสุดโต่งและการเหยียดสีผิว" ซึ่งมีจำนวนมากกว่า
ตำรวจกรุงวอชิงตันได้กั้นกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มนี้ออกจากกันอย่างเด็ดขาด โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางไว้เพื่อป้องกันความรุนแรงจากการปะทะกันของทั้งสองกลุ่ม เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองชาร์ล็อตวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อปีที่แล้ว
นายเจสัน เคซสเลอร์ ผู้จัดตั้งการชุมนุมของกลุ่มคนผิวขาว กล่าวว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้มิได้มีขึ้นเพื่อก่อความเกลียดชังหรือความรุนแรง
ในขณะที่กลุ่มต่อต้าน ระบุว่าแนวคิดสุดโต่งควรหมดไป เพราะสหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นประเทศของประชาชนทุกคน
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันเสาร์ ว่า "เราควรสามัคคีเป็นประเทศเดียวกัน และขอประณามความรุนแรงและการเหยียดผิวทุกประเภท เพื่อสันติภาพแก่ประชาชนอเมริกันทุกคน"
ปธน.ทรัมป์ ทวีตด้วยว่า ที่ผ่านมาตนต่อสู้เพื่อชนกลุ่มน้อยในอเมริกา และจะไม่หยุดต่อสู้เพื่อคนอเมริกันทุกคน
เมื่อปีที่แล้ว คนผิวขาวผู้มีความคิดสุดโต่งกลุ่มนี้ รวมตัวที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ ในรัฐเวอร์จิเนีย ภายใต้ชื่อการเคลื่อนไหว "Unite the Right" ซึ่งต่อต้านการถอดถอนอนุสาวรีย์นายพล โรเบิร์ต อี. ลี ผู้นำกองทัพฝ่ายใต้ช่วงสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ
ผู้เดินขบวนทั้งสองฝ่ายปะทะกัน และมีคนขับรถพุ่งชนสตรีผู้หนึ่งเสียชีวิต ขณะที่เธอร่วมประท้วงต่อต้านกลุ่ม white supremacists
เหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนการประณามฝ่ายขวาจัด และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกวิจารณ์ว่าลังเลที่จะตำหนิผู้มีความคิดสุดโต่งกลุ่มนี้