ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงข่าวคู่กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ หลังการพบปะแบบสองต่อสองกับผู้นำรัสเซียเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยมีเพียงล่ามที่เข้าร่วมประชุมด้วยเท่านั้น
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้เชื่อว่า มอสโกก้าวก่ายแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อสองปีที่แล้ว และว่าประธานาธิบดีปูตินปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแข็งขันว่า รัสเซียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งตนก็เชื่อคำกล่าวของผู้นำรัสเซียด้วย
ประธานาธิบดีทรัมป์ เสริมด้วยว่า ตนไม่ได้ตำหนิผู้นำของรัสเซียโดยตรงในข้อกล่าวหาเรื่องบทบาทของรัสเซียที่แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือเรื่องอื่น ซึ่งวอชิงตันกับมอสโกมีจุดยืนที่แตกต่างกันอยู่ และว่าความคาดหมายของทั้งสองฝ่ายมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงและความหวังของสหรัฐฯ ก็มาจากความต้องการที่จะมีมิตรภาพ ความร่วมมือ และสันติภาพกับรัสเซียด้วย
การพบปะระดับสุดยอดครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีปูตินนี้ มีขึ้นสามวันหลังจากที่นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษของสหรัฐฯ ซึ่งสอบสวนบทบาทความเกี่ยวพันของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อสองปีที่แล้ว ได้มีคำสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซีย 12 คน ว่ามีบทบาทในการเจาะล้วงข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ และช่วยให้ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี
ส่วนประธานาธิบดีปูตินก็เสนอให้อัยการพิเศษของสหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่ของตนไปยังรัสเซียเพื่อทำงานสืบสวนด้วย
อย่างไรก็ตาม รัสเซียกับสหรัฐฯ ไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีปูตินจะส่งตัวเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซีย 12 คนซึ่งถูกอัยการพิเศษสหรัฐฯ ตั้งข้อหา ให้ไปถูกดำเนินคดีในสหรัฐฯ
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า รัสเซียมีข้อมูลในทางเสื่อมเสียเกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ในมือหรือไม่? ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมระหว่างที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยไปยืนรัสเซียสมัยที่ยังเป็นนักธุรกิจอยู่
ประธานาธิบดีปูตินเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามนี้โดยตรง โดยกล่าวแต่เพียงว่าตนไม่ทราบว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เคยไปรัสเซียสมัยที่เป็นนักธุรกิจเมื่อใด และว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่คิดว่ารัฐบาลรัสเซียพยายามเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมอันไม่สมควรของนักธุรกิจอเมริกันที่สำคัญทุกคนผู้ไปเยือนรัสเซีย
ท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่โอนอ่อนต่อรัสเซียและเชื่อคำกล่าวปฏิเสธของประธานาธิบดีปูตินนี้ ทำให้เกิดเสียงตำหนิวิจารณ์จากนักการเมืองสหรัฐฯ ทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต
และนายแดน โค๊ตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของรัฐบาลสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ได้ออกมาแถลงหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่า ตนเชื่อว่ารัสเซียไม่มีบทบาทแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
โดยนายโค๊ตส์ระบุว่า ผลการประเมินด้านข่าวกรองทำให้เชื่อได้อย่างชัดเจนว่า รัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อสองปีที่แล้ว และยังคงดำเนินการอยู่อย่างกว้างขวางในขณะนี้ เพื่อบ่อนทำลายประชาธิปไตยของสหรัฐฯ