ทีมนักวิจัยในสหรัฐสามารถระบุได้ว่ามีโรคต้านภูมิตนเองมากถึง 100 ชนิด ซึ่งมีคนป่วยด้วยโรคนี้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก ในบรรดาโรคต้านภูมิตนเอง 100 ชนิดนี้ นักวิจัยสามารถร่างแผนที่ทางพันธุกรรมของโรคได้ 21 ชนิด
คุณ David Hafler หัวหน้าแผนก Neurology แห่ง มหาวิทยาลัย Yale ใน New Haven รัฐ Connecticut กล่าวว่าโรคต้านภูมิตนเองมักมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันและมักพบว่าผู้ป่วยจะมีพันธุกรรมโรคนี้ในร่างกายหลายตัวด้วยกัน
คุณ Hafler กล่าวว่าผลการวิจัยนี้ช่วยอธิบายได้ว่าพันธุกรรมของโรคต้านภูมิตนเองหลายชนิดที่เหมือนกันเป็นสาเหตุให้โรคหลายโรคเกิดขึ้นคู่กันในผู้ป่วย อาทิ โรคไทรอยด์เป็นพิษกับโรคเบาหวานมักจะคู่กัน โรครูมาตอยด์และ lupus จะเกิดขึ้นด้วยกันในผู้ป่วย เช่นเดียวกับโรค MS ที่คู่กับโรค Crohn's disease
ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ไปเมื่อเร็วๆ นี้ คุณ Hafler และทีมนักวิจัยจากโรงพยาบาล Massachusettes General Hospital กับสถาบัน Massachusettes Institute of Technology พร้อมด้วยสถาบัน Broad Institute แห่งมหาวิทยาลัย Harvard ได้เปิดเผยบลูพริ้นท์ทางพันธุกรรมที่สามารถระบุต้นกำเนิดของโรคต้านภูมิตนเองได้ถึง 21 ชนิด
คุณ Hafler กล่าวว่าผลการศึกษานี้ยังไม่สามารถช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคเป็นการเฉพาะเจาะจงได้ แต่ในที่สุด เขาคิดว่าอาจจะนำไปสู่การบำบัดโรคที่ดีขึ้น เขากล่าวว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของผลการวิจัยนี้คือการที่นักวิจัยสามารถสร้างความเข้าใจทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรคต้านภูมิตนเองแต่ละชนิดและสามารถร่างแผนที่ทางพันธุกรรมที่แสดงความเกี่ยวข้องนี้ได้เพื่อนำไปสู่การบำบัดได้ถูกโรค
คุณ Hafler ชี้ว่ารู้กันอยู่แล้วว่ามีพันธุกรรมที่ก่อให้เกิดโรคแพ้ภูมิตนเองชนิดต่างๆ ประมาณ 200-300 ชนิดที่แตกต่างกัน เขากล่าวว่าพันธุกรรมที่ก่อให้เกิดโรคต้านภูมิตนเองมักจะเป็นยีนที่อยู่ใกล้กับระบบต่างๆ ในร่างกายที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมการทำงานของระบบภูมิต้านทานร่างกาย ทำให้ยีนมีลักษณะคล้ายกันอย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญคนนี้กล่าวอีกว่าเห็นได้ชัดว่าโรคต้านภูมิตนเองชนิดต่างๆ มียีนที่ก่อให้เกิดโรคเหมือนๆ กันราว 20 – 30 เปอร์เซ็นต์และเนื่องจากโรคต้านภูมิตนเองหลายโรคมีพันธุกรรมของโรคแบบเดียวกัน เป็นไปได้ว่าในอนาคต วงการแพทย์อาจจะสามารถพัฒนายาที่สามารถใช้บำบัดโรคต้านภูมิตนเองได้มากกว่าหนึ่งโรค
เขากล่าวว่าแผนที่ทางพันธุกรรมที่ช่วยระบุต้นกำเนิดของโรคต้านภูมิตนเองนี้จะนำไปเผยแพร่แก่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเพื่อให้พวกเขาได้ศึกษาเพื่อทำความเข้าใจและเพื่อหาทางบำบัดโรคต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มของโรคต้านภูมิตนเองที่มักรักษายาก
