เมื่อวันพฤหัสบดี คณะกรรมการสืบสวนเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เผยแพร่รายงานการสืบสวนฉบับสมบูรณ์ โดยยืนยันว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีส่วนร่วมใน “การสมคบคิดหลายขั้นตอน” ต่อความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 และอดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่ดำเนินการเพื่อหยุดผู้สนับสนุนของเขาจากการโจมตีอาคารรัฐสภา ตามรายงานของเอพี
รายงานฉบับนี้เป็นบทสรุปของการสืบสวนนาน 18 เดือน ต่อทรัมป์และเหตุโจมตีดังกล่าว โดยเบนนี ธอมป์สัน ส.ส. สหรัฐฯ จากรัฐมิสซิสซิปปี และประธานคณะกรรมการสืบสวน ระบุในรายงานฉบับนี้ว่า ทรัมป์เป็น “ตัวจุดชนวน” เหตุครั้งนี้
รายงานยาว 814 หน้านี้ ถูกจัดทำหลังคณะกรรมการเก็บข้อมูลจากพยานกว่า 1,000 คน จัดการไต่สวน 10 ครั้ง และได้เอกสารมากกว่า 1 ล้านหน้า โดยพยานต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งผู้ใกล้ชิดของทรัมป์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย และผู้ก่อเหตุจลาจลบางส่วน กล่าวว่า ทรัมป์กระทำการโดย “ไตร่ตรองล่วงหน้า” หลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ และความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งของทรัมป์มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้สนับสนุนของเขาที่กระทำเหตุรุนแรง
รายงานฉบับนี้ระบุว่า ทรัมป์เพียงผู้เดียวเป็นต้นเหตุหลักของเหตุบุกอาคารรัฐสภาดังกล่าว
คณะกรรมการสืบสวนที่ประกอบด้วย ส.ส. สหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน จำนวนเก้าคนนี้ สรุปว่า เหตุบุกอาคารรัฐสภาเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง และ ”ทำให้ชีวิตของสมาชิกสภาตกอยู่ในความเสี่ยง”
ในบทคำแนะนำของรายงานดังกล่าว คณะกรรมการทั้งเก้าคนกล่าวว่า รัฐสภาสหรัฐฯ ควรพิจารณาห้ามทรัมป์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต โดยแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวในบทนำของรายงานว่า รายงานฉบับนี้ควรเป็น “กระบอกเสียงถึงชาวอเมริกันทุกคน ให้ปกป้องประชาธิปไตยของเรา และลงคะแนนเสียงให้กับผู้ที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญเท่านั้น”
รายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการไต่สวนของคณะกรรมการเป็นส่วนใหญ่ โดยบรรยายถึงแผนการที่ทรัมป์และที่ปรึกษาของเขาใช้เพื่อพยายามแก้ผลการเลือกตั้งที่โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ โดยทรัมป์กดดันไปยังเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง เจ้าหน้าที่ระดับรัฐ รวมไปถึงอดีตรอง ปธน. ไมค์ เพนซ์ เพื่อให้เดินตามแผนดังกล่าว หรือให้ละเมิดกฎหมายไปเลย
รายงานดังกล่าวเผยว่า ในช่วงสองเดือนระหว่างหลังการเลือกตั้งและเหตุบุกอาคารัฐสภาสหรัฐฯ “ปธน. ทรัมป์ หรือบุคคลที่ใกล้ชิดของเขา มีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างน้อย 200 ครั้ง ทั้งในที่สาธารณะและเป็นการส่วนตัว เพื่อเข้าถึง กดดัน หรือประณามสมาชิกสภาระดับรัฐ หรือเจ้าหน้าที่เลือกตั้งระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่นให้พลิกผลการเลือกตั้งระดับรัฐ”
คณะกรรมการสืบสวนระบุว่า ข้ออ้างของทรัมป์ว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งนั้นตรงกับสิ่งที่ผู้สนับสนุนของเขาคิด และมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่แนวคิดดังกล่าว เป็นการโหมกระแสความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลมากขึ้น
รายงานกล่าวต่อว่า ทรัมป์เองยังแทบไม่หยุดผู้สนับสนุนของเขา เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนใช้ความรุนแรงบุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะเลือกตั้งของไบเดน
รายงานฉบับยาวนี้ถูกเผยแพร่ขณะที่ทรัมป์ตั้งเป้าลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง และเขากำลังเผชิญการสืบสวนหลายคดีจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รวมถึงเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ และเหตุพบเอกสารชั้นความลับในบ้านพักตากอากาศของเขาที่รัฐฟลอริดา
ขณะเดียวกัน ทรัมป์กำลังตกในที่นั่งลำบากทางการเมืองที่สุดนับตั้งแต่เขาชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2016 เนื่องจากคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงคะแนนให้เผยแพร่เอกสารการเสียภาษีของทรัมป์ ซึ่งเขาพยายามเก็บเป็นความลับมาตลอดหลายปี และสมาชิกพรรครีพับลิกันยังโทษทรัมป์ว่าเป็นต้นเหตุให้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของพรรคต่ำกว่าที่ควรจะเป็นด้วย
ทางด้านอดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของเขาว่า รายงานฉบับนี้ “เลือกข้างเป็นอย่างมาก” และอ้างว่า รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุคำพูดของเขาในวันเกิดเหตุ ที่เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเขาประท้วง “รักชาติอย่างสันติ”
อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้กล่าวถึงคำพูดดังกล่าวของทรัมป์ และยังระบุเพิ่มด้วยว่า หลังจากนั้น ทรัมป์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์เท็จของการเลือกตั้ง และใช้คำพูดยั่วยุให้ฝูงชน “สู้เต็มพิกัด”
- ที่มา: เอพี
