ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ไบเดน รับแรงกดดันหนัก เมื่อสหรัฐฯ ปรับทิศทางนโยบายตรวจคนเข้าเมือง


US President Joe Biden signs executive orders related to immigration
US President Joe Biden signs executive orders related to immigration
Biden Immigration Challenge
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:57 0:00


สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า ผู้คนหลายพันคนเดินทางมายังบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ด้วยความหวังที่จะยื่นขอสิทธิ์เป็นผู้ลี้ภัยในสหรัฐฯ หลังจากอดีตปธน.โดนัลด์​ทรัมป์ หมดวาระบริหารประเทศไปแล้ว และปธน.โจ ไบเดน ยกเลิกนโยบายด้านตรวจคนเข้าเมืองที่ต่อต้านการรับคนต่างชาติเข้าประเทศไปบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกรุงวอชิงตัน ชุดปัจจุบันที่บริหารประเทศมาไม่ถึง 1 เดือนยังคงต้องรับมือกับอุปสรรคหนักๆ อีกหลาย อย่างที่ขัดขวางผู้ที่ต้องการขอลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ ไม่ให้สามารถยื่นเรื่องสำเร็จโดยง่าย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลชุดปัจจุบันร้องขอให้ผู้ที่ต้องการอพยพเข้าสหรัฐฯ ยกเลิกแผนการยื่นเรื่องไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ดูแลชายแดนต้องประสบกับภาวะงานล้นมือ ดังเช่นในช่วงสมัยรัฐบาลอดีตปธน.ทรัมป์ และอดีตปธน.บารัค โอบามา เมื่อมีผู้อพยพจำนวนมากจากพื้นที่อเมริกากลางพร้อมเด็กเล็กเดินทางมายังพรมแดนด้านใต้ของประเทศอย่างล้นหลาม

Biden
Biden

เจน ซากิ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะเดินทางมา(สหรัฐฯ)” และว่า “ผู้คนส่วนใหญ่จะถูกปฏิเสธการเข้าประเทศอยู่ดี”

แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ส่งสัญญาณแบบเดียวกันเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเช่นกัน ขณะที่ประกาศขั้นตอนของการยุติข้อตกลงกับประเทศฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ และกัวเตมาลา ที่ทำไว้โดยรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งบังคับผู้ที่ต้องการขอลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ ให้ไปขอลี้ภัยที่ประเทศเหล่านี้แทน

Blinken
Blinken

รมต.บลิงเคน ย้ำว่า การยุติข้อตกลงเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่า พรมแดนสหรัฐฯ พร้อมเปิดต้อนรับแล้ว เพราะแม้ “สหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายหนทางทางกฎหมายเพื่อช่วยปกป้องและเปิดโอกาสต่างๆ ทั้งในประเทศและภูมิภาคนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีทั้งพรมแดนและกฎหมายที่ต้องบังคับใช้อยู่”

แต่รายงานข่าวระบุว่า สัญญาณต่างๆ ที่รัฐบาลส่งออกไปนั้นเหมือนจะไปไม่ถึงผู้รับ เพราะยังคงมีผู้คนมากมายเดินทางมายังค่ายที่มาตาโมรอส ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองที่อันตราย ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของพรมแดนรัฐเท็กซัส โดยมีผู้หวังขอลี้ภัยหลายร้อยคนเฝ้ารอโอกาสเดินทางข้ามมาสหรัฐฯ ภายใต้โครงการ Remain in Mexico หรือ “รอต่อไปในเม็กซิโก” ของอดีตปธน.ทรัมป์

มีการคาดกันว่า จะมีผู้ประสงค์ขอลี้ภัยอีกมากที่จะเดินทางมาที่ชายแดนสหรัฐฯ หลังรัฐบาลปธน.ไบเดน ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า จะค่อยๆ อนุญาตให้ผู้อพยพจำนวน 25,000 คนเข้ามาในสหรัฐฯ หลังมีการทบทวนคำร้องแล้ว โดยกลุ่มแรกที่จะได้เดินทางเข้าสหรัฐฯ นั้นภายใต้แผนงานนี้น่าจะกระทำได้ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้

ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะออกคำสั่งผู้บริหารหลายฉบับเพื่อผ่อนคลายกฎการควบคุมผู้อพยพลี้ภัยแล้ว ยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งด้านสาธารณสุขที่อดีตปธน.ทรัมป์ ลงนามไว้ตั้งแต่เมื่อเกิดภาวะระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ให้อำนาจ สำนักงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ หรือ CBP ขับคนต่างชาติทุกคน รวมทั้งผู้ขอลี้ภัย ออกนอกประเทศได้ ขณะที่ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าพัฒนา “กระบวนการที่มีเนื้อหาครอบคลุมและมีมนุษยธรรม” เพื่อประเมินผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อยู่

แต่แรงกดดันต่อรัฐบาลของปธน.ไบเดน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อจำนวนผู้ต้องการอพยพลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ ที่บริเวณชายแดนด้านใต้ของประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา

Immigration Texas
Immigration Texas

นอกจากนั้น เม็กซิโกเพิ่งประกาศใช้กฎหมายที่ห้ามไม่ให้มีการกักตัวเด็กไว้ในศูนย์กักกักผู้อพยพ ส่วนสหรัฐฯ เองหยุดส่งครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้าเมืองมาแล้วข้ามพรมแดนกลับไปทางเม็กซิโกด้วย ขณะที่ CBP เองที่ไม่กำลังพลและสถานที่พอจะควบคุมตัวครอบครัวเหล่านี้ไว้เพราะปัญหาการระบาดของโควิด-19 ตัดสินใจเริ่มปล่อยตัวหลายคนให้เข้ามาในสหรัฐฯ พร้อมสั่งให้ไปขึ้นศาลภายหลัง

หน่วยงานรัฐของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกลัวว่า หากข่าวเรื่องการปล่อยตัวผู้อพยพเข้าประเทศแพร่ออกไป จะมีคนมุ่งหน้ามาที่ชายแดนเพื่อข้ามเข้าประเทศมากขึ้น

ความกดดันต่อการดำเนินนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลปธน.ไบเดน ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะรัฐเท็กซัสและรัฐแอริโซนา ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลให้ระงับคำสั่งพักการส่งผู้อพยพกลับประเทศเป็นเวลา 100 วันที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเพิ่งลงนามบังคับใช้ ซึ่งผู้พิพากษาได้สั่งให้มีการพัการดำเนินคำสั่งนี้ไว้ชั่วคราวแล้ว

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐฯ หรือ ICE ยังร้องเรียนเกี่ยวกับ กฎใหม่ที่มีการเสนอขึ้นมาให้ทางหน่วยงานมุ่งเน้นการทำงานไปที่การกักตัวและการส่งตัวผู้ที่เข้ามาสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายและอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อประเทศ หรือเคยถูกพิพากษาว่าทำความผิดทางอาญารุนแรงต่างๆ กลับออกไป ซึ่ง จอน เฟียร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของ ICE ในสมัยรัฐบาลอดีตปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ ส่งสารออกไปว่า ไม่ได้มีการบังคับใช้กฎหมายด้านตรวจคนเข้าเมืองอย่างเคร่งครัด อาจมีการหลั่งไหลเข้ามาอย่างหนักของผู้ที่ต้องการอพยพลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ ในระดับที่มากเกินจะจัดการได้ในที่สุด

XS
SM
MD
LG