สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) แห่งพรรค Social Democrats (SPD) ซึ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งของเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ ประกาศว่าจะจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลสามฝ่าย “ก่อนวันคริสต์มาสปีนี้” เพื่อทำหน้าที่แทนพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมของนางอังเกลา แมร์เคิล ที่ได้คะแนนเสียงตามมาเป็นที่สอง
หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่พรรค SPD ได้เป็นรัฐบาล ด้วยการจับมือกับพรรคกรีนส์ และพรรค Free Democrats (FDP) ซึ่งเป็นพรรคแนวทางเสรีนิยม
โอลาฟ โชลซ์ วัย 63 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการคลังในรัฐบาลของนางแมร์เคิล กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลผสมชุดใหม่ของเยอรมนีจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพร้อมสัญญาว่าจะเพิ่มความเข้มแข็งของสหภาพยุโรปและกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
โชลซ์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนีจะขยายความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกับรัฐบาลสหรัฐฯ และว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศประชาธิปไตยจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อรับมือความท้าทายต่าง ๆ ของโลก แม้จะเกิดความขัดแย้งกันเองในบางครั้ง
หากนายโชลซ์สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรค SDP คนที่สี่หลังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
ทั้งนี้ พรรค Social Democrats ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี ได้รับคะแนนเสียง 25.7% ในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ เพิ่มขึ้น 5% จากการเลือกตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2017 โดยพรรคพันธมิตรอนุรักษ์นิยมของนางแมร์เคิล CDU/CSU ตามมาที่สองที่ 24.1% ตามด้วยพรรคกรีนส์และพรรค FDP ที่ 14.8% และ 11.5% ตามลำดับ
โดยทั้งพรรคกรีนส์และพรรค FDP เปิดเผยว่าจะหารือกันก่อนเพื่อหาจุดยืนที่เหมาะสมก่อนที่จะเจรจาต่อรองกับพรรค SPD หรือพรรคอนุรักษ์นิยม ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนี
การกลับมาของพรรค SPD หลังจากที่นางแมร์เคิลปฏิเสธการช่วงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ห้า ถือเป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจของพรรคการเมืองแนวทางสายกลางค่อนไปทางซ้ายในบางส่วนของยุโรปและในอเมริกา หลังจากที่พรรคแนวทางอนุรักษ์นิยมครองอำนาจส่วนใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา