ขณะที่ รัฐบาลอังกฤษพยายามแนะนำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากไว้ตลอด หากต้องอยู่ในพื้นที่สาธารณะภายในอาคารที่มีผู้คนอยู่มากมาย นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน กลับปรากฎกายท่ามกลามสมาชิกรัฐสภาภายในอาคารสภาผู้แทนราษฎรที่มีระบบระบายอาการอันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพแต่มีผู้คนที่ไม่สวมใส่หน้ากากอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากเสมอ ตามรายงานของสำนักข่าว เอพี
ผู้ที่คอยจับตาดูการทำงานของรัฐบาลอังกฤษให้ความเห็นว่า ภาพของความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศนี้แสดงให้เห็นถึง จุดบกพร่องในยุทธศาสตร์รัฐบาลในการต่อสู้กับวิกฤตโคโรนาไวรัส ที่ละเลยการบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดส่วนใหญ่ และกลับไปเน้นพึ่งประชาชนให้ช่วยกันป้องกันการระบาดด้วยตนเอง รวมทั้งหวังให้อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มสูงพอที่จะสกัดกั้นการแพร่กระจายเชื้อเป็นหลัก
เลย์ลา โมแรน สมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตยซึ่งเป็นฝ่ายค้าน และเป็นประธานกลุ่มสมาชิกสภาตัวแทนทุกพรรคการเมืองที่ดูแลเรื่องวิกฤตโคโรนาไวรัส กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันทำการต่อสู้กับภาวะระบาดใหญ่ในระดับที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆ ไม่น้อย พร้อมชี้ว่า ในเวลานี้ โรงพยาบาลหลายแห่งเริ่มรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ไอซียู) ซึ่งสูงกว่าระดับที่เกิดขึ้นในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นและเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
และหลังจำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษจะเพิ่มสูง ทันทีที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ในช่วงฤดูร้อน โดยจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ได้พุ่งขึ้นตาม หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่า อัตราการเสียชีวิตของประชาขนอาจเพิ่มสูงขึ้นในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะนั่นเป็นช่วงเวลาที่อัตราการป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจจะแตะระดับสูงสุดในแต่ละปี
โมแรน กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่เริ่มลงมือทำการใดๆ ที่เข้มข้นในเร็วๆ นี้ อังกฤษอาจจะไม่รอดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี จอห์นสัน ยืนยันว่า แผนงานรับมือวิกฤตของตนนั้นใช้ได้ผล แต่ก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนหากจำเป็น
ที่ผ่านมา อังกฤษพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วกว่า 135,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในภาคพื้นยุโรป และสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากรัสเซียเท่านั้น ขณะที่ เมื่อคิดเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตต่อหัวแล้ว จะพบว่า อยู่ในระดับเดียวกันกับของสหรัฐฯ แม้รัฐบาลจะจัดการให้มีการฉีดวัคซีนอย่างแข็งขัน จนถึงระดับ 65 เปอร์เซ็นต์ของประชากรแล้ว
อีกประเด็นที่ทำให้อังกฤษแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็คือ การที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนขณะเข้าใช้บริการในภัตตาคาร หรือการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีผู้คนอยู่มาก ขณะที่ นักเรียนกและครูก็ไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากาก แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากกลุ่มสหภาพต่างๆ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็ตาม
ทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์อังกฤษ มองว่า รัฐบาลล้มเหลวจากการที่ไม่เรียนรู้จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ และเอาแต่มองโลกในแง่ดีมากกว่าจะพิจารณาหลักฐานต่างๆ
(ที่มา: สำนักข่าว เอพี)