เม็กซิโกสั่งสอบสวนเหตุทางยกระดับรถไฟฟ้าพังถล่ม กลางกรุงเม็กซิโกซิตี้ คร่าชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บเกือบร้อยราย นับเป็นอุบัติเหตุเลวร้ายที่สุดในระบบขนส่งด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินของเม็กซิโก หนึ่งในเส้นทางคมนาคมที่พลุกพล่านที่สุดในโลก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังทำงานแข่งกับเวลา ในการกู้ร่างผู้สูญหายจากเหตุทางรถไฟฟ้ายกระดับ บริเวณสาย 12 ซึ่งเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายพังถล่ม จนขบวนรถไฟร่วงลงมา เมื่อค่ำวันจันทร์ คร่าชีวิตอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็บ 77 ราย
ขณะที่ในวันอังคารหลังเกิดเหตุ ทางกรุงเม็กซิโกซิตี้ ปรับเปลี่ยนระบบการสัญจรของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการเพิ่มเที่ยวรถโดยสารประจำทางเข้ามานับร้อยคัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่เสียหาย และเตรียมสั่งสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างเร่งด่วน
นายมาร์เซโล เอ็บบราด อดีตนายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโก ซิตี้ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2006-2012 ซึ่งเป็นยุคที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่เกิดเหตุนี้ กล่าวว่านี่เป็นอุบัติเหตุเลวร้ายที่สุดในระบบขนส่งมวลชนของเม็กซิโก
หลายฝ่ายประเมินว่า มาจากการก่อสร้างและออกแบบเส้นทางรถไฟในช่วงแรกๆ ซึ่งต้องกลับมาเปิดซ่อมบำรุงบางส่วนเมื่อปี ค.ศ. 2013 ไปหลังเปิดให้บริการได้เพียง 1 ปี หรืออาจมีผลกระทบมาจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.1 เมื่อปี ค.ศ. 2017 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเม็กซิโกซิตี้
ทั้งนี้ ระบบขนส่งด้วยรถไฟฟ้าในกรุงเม็กซิโกซิตี้ เป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าราคาถูกที่สุดในโลก ด้วยราคาตั๋วเที่ยวละ 25 เซนต์ หรือประมาณ 7.50 บาท และแต่ละวันมีผู้โดยสารนับล้านคน แต่มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นเพียง 3 ครั้ง นับตั้งแต่ก่อตั้งระบบการเดินทางขึ้นมาราว 50 ปีก่อน
เหตุการณ์ล่าสุด คือ เมื่อปีที่แล้ว ที่เกิดรถไฟชนกัน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 41 ราย และในปี 2015 ที่ขบวนรถไฟไม่หยุดตามเวลา และชนเข้ากับรถไฟอีกขบวนที่จอดในสถานี บาดเจ็บ 12 ราย และเมื่อปี 1975 กับอุบัติเหตุรถไฟชนกันคร่าชีวิต 26 ราย ในตอนนั้น