เด็กเล็กและวัยรุ่นในสหรัฐฯ เจ็บป่วยจากการกิน 'ยาแก้ปวดที่มีสารโอปิออยด์' เกินขนาด

  • Carol Pearson

Opioid Antidote

ยาเเก้ปวดที่มีส่วนผสมของสารโอปิออยด์เป็นสาเหตุให้คนอเมริกันหลายพันคนต่อปีเจ็บป่วยและเสียชีวิตเพราะใช้ยาเกินขนาด

Your browser doesn’t support HTML5

Health Opioid Children

Vicodin และ Oxycontin เป็นชื่อยี่ห้อของยา hydrocodone กับยา oxycodone ซึ่งเป็นยาเเก้ปวดที่มีฤทธิ์แรง ซึ่งได้กลายเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเสพติดยาแก้ปวดอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในสหรัฐฯ

ยาเเก้ปวดทั้งสองชนิดนี้กับยาเเก้ปวดอื่นๆ มีส่วนผสมของสารโอปิออยด์ (opioid) ซึ่งเป็นสารเสพติด และในขณะที่บรรดาเเพทย์มักสั่งจ่ายยาที่มีสารโอปิออยด์เเก่คนไข้เพื่อช่วยควบคุมอาการปวดชนิดเรื้อรัง แต่มักมีการใช้ยาเเก้ปวดประเภทนี้ผิดอย่างจุดประสงค์

Julie Gaither นักระบาดวิทยา ที่วิทยาลัยการเเพทย์ Yale กังวลเกี่ยวกับการขายยาที่มีสารโอปิออยด์ในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา Gaither กล่าวว่าการเเพร่ระบาดของการเสพติดสารโอปิออยด์ เพิ่มขึ้นเเบบยกกำลังสอง โดยเริ่มต้นในราว 20 ปีที่แล้ว ในช่วงที่แพทย์ถูกเร่งเร้าให้รักษาอาการปวดเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น

ในปี ค.ศ. 2014 มีคนเสียชีวิตประมาณ 19,000 คน จากการเสพติดยาเเก้ปวดที่มีสารโอปิออยด์

การเสียชีวิตของ Prince นักร้องชาวสหรัฐฯ ชื่อดังก้องโลก ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกิดจากการใช้ยาที่มีสารโอปิออยด์เกินขนาดโดยไม่ตั้งใจ

ศูนย์เพื่อการควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯ (The Centers for Disease Control) ชี้ว่าในสหรัฐฯ มีคนเสียชีวิต 48 คนทุกวัน จากการใช้ยาที่มีสารโอปิออยด์เกินขนาด และผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่ามีเด็กและวัยรุ่นมากกว่า 13,000 คน ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลจากการใช้ยาที่มีสารโอปิออยด์เกินขนาด ในช่วงระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา

Gaither กับ Dr. Deepa Camenga ผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยการแพทย์ Yale เช่นกัน ได้ตัดสินใจศึกษาบันทึกการออกจากโรงพยาบาลของผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่น เพื่อคำนวณดูว่ามีเด็กและวัยรุ่นจำนวนกี่คนที่เคยเข้าโรงพยาบาลเพราะใช้ยาที่มีสารโอปิออยด์เกินขนาด

Dr. Deepa Camenga กล่าวว่า ทีมงานพบว่าอัตราการเข้าโรงพยาบาลเพราะใช้ยาที่มีสารโอปิออยด์เกินขนาด ได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วงปี ค.ศ. 1997 ถึงปี ค.ศ. 2012 เเละยังพบด้วยว่าผู้ป่วยจำนวนมากที่สุดมีอายุระหว่าง 15-19 ปี การเพิ่มขึ้นของการเข้าโรงพยาบาลด้วยสาเหตุนี้ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงที่สุด คือกลุ่มเด็กอายุน้อยที่สุด คือ 1 ขวบถึง 4 ปี

Camenga กล่าวว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการสั่งยา การกำจัดยาทิ้งและการทำบรรจุภัณฑ์ยา เพราะการที่เด็กเล็กกินยาอันตรายนี้โดยอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก

เธอกล่าวว่าในระดับชาติ สหรัฐฯ ได้เน้นการปรับปรุงการบำบัดรักษาและการป้องกันการใช้ยาที่มีสารโอปิออยด์อย่างผิดจุดประสงค์ ตลอดจนการใช้อย่างไม่ถูกวิธี แต่ยังไม่เน้นการป้องกันเด็กเล็กจากอันตรายของการเเพร่ระบาดของการใช้ยาที่มีสารเสพติดชนิดนี้

ผลการศึกษานี้ ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Pediatrics เมื่อเร็วๆนี้

(รายงานโดย Carol Pearson / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)