รายงานจาก World Economic Forum พบว่าประเทศที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมาก มีการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมสูง
โดยรายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศสากลของปีนี้ชี้ว่า ประเทศสิงคโปร์ติดอันดับหนึ่งจากทั้งหมด 139 ประเทศ รายงานนี้ยังพบว่า ประเทศฟินแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน อิสราเอล สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ และอเมริกา ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศสูงสุดในโลก
ประเทศเหล่านี้มีพัฒนาการมากกว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ถึง 33% และมากกว่าเศรษฐกิจกำลังพัฒนาถึง 100% โดยประเทศที่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอลมากที่สุดมีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ
Oliver Cann โฆษก World Economic Forum บอกว่า คนส่วนมากมองว่าธุรกิจระดับสากลคือสิ่งที่ผลักดันการใช้เทคโนโลยี แต่เขาเชื่อว่าผู้บริโภคคือฝ่ายผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิตอลเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่รัฐบาลหรือธุรกิจ
Silja Baller นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและผู้เขียนรายงานนี้บอกว่า ถึงแม้ว่ายุโรปอยู่ระดับต้นๆ ในเรื่องการใช้เทคโนโลยี แต่ประเทศจากตะวันออกกลางและแถบตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารามีพัฒนาการที่กำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
เธออธิบายต่อว่า เลบานอนและแอฟริกาใต้มีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่รัฐบาลประเทศโคตดิวัวร์ มีการผลักดันพัฒนาการดิจิตอลอย่างมีประสิทธิภาพ และเอธิโอเปียก็มีพัฒนาการเช่นกัน
นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ตั้งข้อสังเกตว่า แอฟริกาใต้ช่วยทำให้การใช้เทคโนโลยีสื่อสารง่ายขึ้นโดยลดภาษีการเข้าใช้อุปกรณ์ Mobile ในขณะที่ประเทศไอโวรี่โคสต์ได้พัฒนาระบบธุรกิจ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ในปี 2013 การเปิดธุรกิจใหม่ใช้เวลาประมาณ 32 วัน แต่ในตอนนี้ ใช้เวลาเพียงแค่ 7 วัน
รายงานนี้ยังอธิบายต่อว่า ช่องว่างด้านดิจิตอลระหว่างประเทศที่รวยกับจน ส่วนมากเกิดขึ้นเพราะมีช่องว่างในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่น บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
ผู้เขียนรายงานนี้กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เป็นปัจจัยหลักที่ชะลอการเจริญเติบโตในยุคดิจิตอล