ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าลงนามมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมจากต่างประเทศ แต่พยายามลดความกังวลเรื่องสงครามการค้า ด้วยการระบุว่า จะใช้แนวทางนี้ด้วยความยืดหยุ่น และจะพิจารณารายประเทศอย่างเฉพาะเจาะจง
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า อะลูมิเนียมและเหล็กกล้าเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจอเมริกัน และเป็นพื้นฐานสำคัญของกิจการของภาคอุตสาหกรรมและกลาโหม
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ ในอดีต ตั้งแต่ จอร์จ วอชิงตัน, อับราฮัม ลินคอล์น และผู้นำคนอื่นๆ ต่างปกป้องประเทศจากอิทธิพลจากต่างประเทศ และไม่ให้ประเทศอื่นแย่งงานจากชาวอเมริกัน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่า มาตรการภาษีจะมีผลในประมาณสองสัปดาห์จากนี้
มาตรการดังกล่าวจะนำมาซึ่งอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 25 สำหรับสินค้าเหล็กกล้า และร้อยละ 10 สำหรับสินค้าอะลูมิเนียม โดยประเทศเม็กซิโกและแคนาดาจะได้รับยกเว้นเป็นเวลา 30 วัน และอาจมีการยืดเวลาต่อไปอีก
ขณะเดียวกัน นักการเมืองในสภาสหรัฐฯ เตือนว่ารัฐบาลควรใช้มาตรการนี้ด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลกระทบทางลบตามมารุนแรง
ส่วนประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ หลายประเทศ นอกจากจะไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ยังเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ด้วย
ในวันเดียวกันนี้ ประเทศภาคพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก 11 แห่ง ลงนามความร่วมมือการค้าที่ไม่มีสหรัฐฯ รวมอยู่ด้วย กลุ่มประเทศเหล่านี้ขยายความร่วมมือภายในกลุ่ม และมุ่งลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ภายใต้กรอบการค้าที่เรียกว่า CPTPP หรือ Comprehensive and Progressive Agreement for Trans Pacific Partnership
CPTPP ปรับชื่อมาจากข้อตกลง TPP ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือการค้าที่สหรัฐฯ เคยเป็นหัวเรือใหญ่ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโอบามา แต่รัฐบาลทรัมป์ถอนอเมริกาออกจากความร่วมมือดังกล่าว
11 ประเทศสมาชิกของ CPTPP ประกอบด้วย เปรู ชิลี บรูไน สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เม็กซิโก ญี่ปุ่น และแคนาดา
เมื่อวานนี้ ผู้บริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และผู้นำของสหภาพยุโรป แสดงจุดยืนต่อต้านแผนขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกล่าวว่าแนวทางดังกล่าวอาจจุดชนวนสงครามการค้าในตลาดโลก
หลังการประกาศแผนดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป เตรียมมาตรการตอบโต้
หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวจริง สินค้าจากสหรัฐฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของสหภาพยุโรป ประกอบด้วย กางเกงยีนส์ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Harley-Davidson เหล้าเบอร์บอน น้ำส้มคั้น และเนยถั่ว หรือ peanut butter
ผู้นำฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป นายโดนัลด์ ทัสค์ เตือนถึงผลร้ายจากการเกิดสงครามการค้า และเรียกร้องให้เกิดการดำเนินนโยบายอย่างมีความรับผิดชอบ
ในส่วนของจีน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ หวาง ยี่ กล่าวว่า สงครามการค้าไม่เคยเป็นทางแก้ไขที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ และว่าการเลือกที่จะสร้างสงครามการค้าเป็นการให้ยาผิดที่จะทำร้ายผู้อื่นและตนเอง โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ หวาง ยี่ บอกว่าจีนจะพิจารณาแนวทางตอบโต้ที่เหมาะสมต่อไป
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Steve Herman)
