ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการลงโทษต่อจีน สำหรับสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐหลายคนเรียกว่าเป็น "การหลอกลวงและการปิดบังของจีน" เรื่องเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไม่มีเวลาพอเพื่อเตรียมตัวรับมือ
อย่างไรก็ตาม ทั้งประธานาธิบดีทรัมป์เองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ก็ยังไม่มีหลักฐานอย่างชัดเจนซึ่งสามารถยืนยันคำกล่าวหาเรื่องที่ได้ และการมุ่งโจมตีจีนที่ว่านี้ก็มีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังถูกตั้งคำถามเรื่องการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ รวมทั้งเรื่องที่ว่าผู้นำสหรัฐฯ ได้ทราบการแจ้งเตือนจากหน่วยงานข่าวกรองเกี่ยวกับเชื้อไวรัสที่ว่านี้เมื่อใดด้วย
เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าตนจะนำมาตรการด้านภาษีมาใช้เพื่อลงโทษจีนจากกรณีการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไปทั่วโลก และการใช้มาตรการด้านภาษีดังกล่าวก็จะเป็นการลงโทษอย่างดีที่สุดด้วย
โดยเมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวอีกว่า จีนจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าสำหรับช่วงแรกที่ได้ทำไว้ หรือที่เรียกว่า "ข้อตกลงเฟสหนึ่ง" ด้วย โดยหากจีนไม่ซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ตามที่รับปากไว้ สหรัฐฯ ก็จะยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวกับจีน
ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สำหรับเฟสหนึ่งนี้ กำหนดให้จีนต้องซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มอีกราว 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีนี้
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า จีนควรให้ความสนใจกับคำขู่ของประธานาธิบดีทรัมป์เรื่องนี้ เพราะขณะนี้เศรษฐกิจจีนซึ่งมีปัญหาจากเรื่องโรคโควิด-19 อยู่แล้วจะยิ่งเสียหายหนักมากขึ้น ดังนั้นจีนจึงควรหลีกเลี่ยงสงครามการค้ารอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีนักเศรษฐศาสตร์บางคน เช่น คุณดาร์สัน ชิว ที่เห็นว่าสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายที่ต้องเสียหายเช่นกัน โดยเขาเชื่อว่า โอกาสที่จีนจะทำตามข้อตกลงการค้าในเฟสหนึ่งนั้นมีค่อนข้างน้อย เพราะเศรษฐกิจจีนได้หดตัวลงถึง 6.8% ในช่วงไตรมาสแรกของปี และหากจะเดินหน้าทำตามข้อตกลงนี้จริง จีนจะต้องกู้เงินเป็นจำนวนมากด้วย
คุณดาร์สัน ชิว เชื่อด้วยว่า มีโอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐปลายปีนี้ และประธานาธิบดีทรัมป์เองก็อาจใช้เรื่องความขัดแย้งด้านการค้านี้เพื่อปลุกกระแสต่อต้านจีน โดยจะใช้เป็นประเด็นเพื่อหาเสียงเลือกตั้งด้วย
แต่คุณฉี ยินฮอง ผู้สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยเรนมิน ที่กรุงปักกิ่ง กลับมองว่า จีนจะเป็นฝ่ายตอบโต้เช่นกันถ้าสหรัฐฯ ใช้มาตรการด้านภาษีเพื่อลงโทษจีน และว่า การตอบโต้ด้านการค้านี้จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถดถอยหนักมากขึ้น และเรื่องนี้ก็จะเป็นผลเสียต่อความพยายามชนะการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ได้เช่นกัน
