สถาบัน Guttmacher รายงานว่าการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงเสียชีวิต คิดเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้หญิงที่เสียชีวิตจากการตั้งครรภ์และคลอดบุตรทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีก 7 ล้านต่อปีที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลเนื่องจากอาการแทรกซ้อนจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย
ผลการศึกษานี้เป็นผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์จากประเทศกำลังพัฒนา 26 ชาติทั่วโลก สถาบัน Guttmacher เป็นหน่วยงานไม่หวังผลกำไรที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาพการเจริญพันธุ์และสิทธิ์ผ่านการวิจัย การวิเคราะห์นโยบายและการให้การศึกษาแก่สาธารณชน
Dr. Susheela Singh เป็นหัวหน้าการศึกษานี้และกล่าวถึงการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยว่าหมายถึงการทำแท้งโดยผู้ที่ขาดการฝึกฝนอย่างเป็นทางการ ไม่มีความสามารถที่เหมาะสมหรืออาจจะเป็นการทำแท้งในสถานที่ที่ไม่สะอาด ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ แม้ว่าผู้ให้บริการทำแท้งจะได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสมก็ตาม
การศึกษาชิ้นนี้ชี้ว่าค่ารักษาพยาบาลต่อปีแก่ผู้หญิงที่เจ็บป่วยหลังทำแท้งอย่างไม่ปลอดภัยอยู่ที่ราว 232 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ยังมีผู้หญิงอีกจำนวนมากที่ไม่ไปรับการรักษาพยาบาล
ทำให้ทีมนักวิจัยประมาณว่าหากผู้หญิงที่ทำแท้งไม่ปลอดภัยเข้ารับการรักษาทุกคน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปีน่าจะขึ้นไปอยู่ที่ 560 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
Dr. Singh กล่าวว่าผลการศึกษานี้ช่วยตอกย้ำความสำคัญของการบริการด้านการป้องกันการตั้งครรภ์อย่างไม่ได้วางแผนแก่ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาและการบริการคุมกำเนิด เสนอวิธีการทำแท้งทางเลือกหลายๆวิธี การบริการติดตามผล การบริการที่มีคุณภาพจะช่วยให้ผู้หญิงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์เสียแต่ต้น
อย่างไรก็ตาม จะต้องให้การรักษาพยาบาลที่ดีอย่างเร่งด่วนแก่หญิงที่เจ็บป่วยจากอาการแทรกซ้อนจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย เพราะความล่าช้าในการรักษาอาจให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
Dr. Singh กล่าวว่ามีการถกเถียงประเด็นการทำแท้งและการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมไม่ยอมรับการทำแท้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญคนนี้กล่าวว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อย่างไม่พึงประสงค์จะยังเลือกใช้บริการทำแท้งอยู่ดี เพราะไม่มีทางเลือกแม้ว่าจะมีกฏหมายห้ามการทำแท้งในประเทศของตนก็ตาม
นี่แสดงให้เห็นว่าสิทธิ์ของการเจริญพันธุ์มักถูกควบคุมโดยนโยบายทางการเมืองของแต่ละประเทศ
