สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างอิงคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวไว้ก่อนเดินทางไปยังบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโกว่า ตนไม่เคยพูดว่าเม็กซิโกจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าก่อสร้างกำแพงโดยตรง
"ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งสองปีก่อน ตนกล่าวว่าเม็กซิโกจะเป็นผู้จ่ายค่าสร้างกำแพง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นการเซ็นต์เช็คจ่ายเพียงครั้งเดียว" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2016 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คณะหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "เป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากเลยสำหรับรัฐบาลเม็กซิโก คือการจ่ายเงินเพียงครั้งเดียว 5,000 - 10,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับค่าก่อสร้างกำแพง แลกกับการรับประกันว่าจะมีเงินเข้าประเทศ 24,000 ล้านดอลลาร์เป็นประจำทุกปี" ซึ่งหมายเงินที่บรรดาชาวเม็กซิโกที่ลักลอบเข้ามาอาศัยและทำงานอยู่ในสหรัฐฯ ส่งกลับไปให้แก่ครอบครัวในเม็กซิโก
ทรัมป์ ระบุไว้ในเวลานั้นด้วยว่า หากตนได้รับเลือก จะพยายามปรับเปลี่ยนกฎหมายให้การโอนเงินข้ามประเทศผ่านสถาบันการเงินต่างๆ จะต้องมีการตรวจสอบและรับรองสถานะพลเมืองของผู้โอนเงินนั้นเสียก่อนว่าทำงานอย่างถูกกฎหมายในอเมริกาหรือไม่
และก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ อ้างว่าการเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา จะมีผลให้รัฐบาลเม็กซิโกต้องจ่ายค่ากำแพง "ทางอ้อม"
ปธน.กล่าวย้ำในวันพฤหัสบดีว่า "เมื่อตนได้กล่าวกับคนหลายแสนคนว่า เม็กซิโกต้องเป็นผู้จ่ายค่ากำแพง นั่นหมายความว่าเม็กซิโกต้องจ่ายแบบทางอ้อมหลายต่อหลายครั้ง ผ่านข้อตกลงการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่เราเพิ่งทำกับเม็กซิโก"
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงฉบับใหม่ที่ว่านี้ยังไม่ผ่านการรับรองของรัฐสภาสหรัฐฯ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ที่ย้อนกลับมายังสหรัฐฯ นั้นจะตกเป็นของบริษัทต่างๆ ที่ทำการค้ากับเม็กซิโก มากกว่าจะมาถึงรัฐบาลอเมริกัน
ประเด็นเรื่องงบประมาณสร้างกำแพงมูลค่า 5,700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้ถูกรวมอยู่ในร่างงบประมาณฉบับใหม่ของสหรัฐฯ เป็นประเด็นที่รัฐบาลและรัฐสภายังไม่สามารถตกลงกันได้ และส่งผลให้หน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องปิดทำการเป็นวันที่ 20 แล้วในขณะนี้
