ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าสหรัฐฯ จะระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากไทยมายังสหรัฐฯ มูลค่า 817 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าการเจรจาส่งออกผลิตภัณฑ์จากสุกรของสหรัฐฯ ไปยังตลาดไทยไม่มีความคืบหน้า
การระงับสิทธิพิเศษทางการค้าภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เคยระงับสิทธิพิเศษดังกล่าวสำหรับสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน โดยที่ผ่านมาไทยเคยได้รับสิทธิพิเศษนี้เป็นมูลค่าถึงราว 4,400 ล้านดอลลาร์
สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ หรือ USTR ระบุว่าสินค้านำเข้าจากไทยที่ถูกระงับสิทธิครั้งนี้มีทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารอบแห้ง เครื่องมือ และเครื่องครัวอลูมิเนียม (ดูรายชื่อสินค้าทั้งหมดได้ที่นี่: https://ustr.gov/sites/default/files/files/Press/Releases/Thailand%20GSP%20Country%20Practice%20Review%20%20Product%20Removal%20List.pdf)
"ผมตัดสินใจแล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นแก่สหรัฐฯ ว่าประเทศไทยจะเปิดตลาดอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผล [แก่สหรัฐฯ]" ผู้นำสหรัฐฯ ระบุในจดหมายถึงส.ส. แนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เจรจากับไทยมากว่าสองปีในประเด็นต่างๆ ทั้งการส่งออกสินค้าจากสหรัฐฯ ไปยังตลาดไทยรวมถึงสิทธิแรงงานไทยที่สหรัฐฯ เห็นว่ายังไม่เพียงพอ
จีเอสพีเป็นโครงการที่สหรัฐฯ ใช้มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 เพื่อให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่ประเทศกำลังพัฒนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาสิทธิแรงงานและเพื่อให้สหรัฐฯ เข้าถึงตลาดในประเทศเหล่านั้นได้มากขึ้น
USTR ยังประกาศด้วยว่าทางสำนักงานได้ยุติการทบทวนเงื่อนไขเพื่อรับสิทธิพิเศษจีเอสพีสำหรับจอร์เจีย อินโดนีเซีย และอุซเบกิสถาน โดยประเทศดังกล่าวไม่เสียสิทธิใดๆ และได้เปิดการทบทวนใหม่สำหรับเอริเทรีย ประเทศในทวีปแอฟริกา เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิแรงงานในประเทศนี้