ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อค่ำคืนวันพุธว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจต้องยืดเยื้อออกไป จนกว่าจีนจะมีทางออกเรื่องการประท้วงฮ่องกงที่ดำเนินมาถึงสัปดาห์ที่ 11 แล้ว
ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตร่ายยาวชื่นชมการทำหน้าที่ของคณะทำงานของเขาที่เดินหน้าเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และว่าจีนยังคงต้องการทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ดังนั้นจีนจะต้องทำความตกลงที่มีมนุษยธรรมกับฮ่องกงเสียก่อน
ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังทวีตชื่นชมประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ว่าเป็นผู้นำที่เคารพประชาชนของประเทศ ซึ่งเขาเชื่อว่าผู้นำจีนจะสามารถหาทางแก้ปัญหาการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงได้ไม่ยาก อีกทั้งยังแนะให้ผู้นำจีนลงพื้นที่พบผู้ชุมนุมซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่เพื่อหารือร่วมกันอีก เพราะเชื่อว่าจะเป็นหนทางที่จบสวยสำหรับวิกฤตฮ่องกง
คลื่นทวีตจากประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อค่ำคืนวันพุธ นับเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในฮ่องกงที่มากที่สุด นับตั้งแต่การประท้วงฮ่องกงเริ่มต้นเมื่อ 10 สัปดาห์ก่อน หลังจากเมื่อวันอังคารผู้นำสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารว่า สถานการณ์ในฮ่องกงนั้นตึงเครียด ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปได้ และหวังว่าจะไม่มีใครบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพ
จีนเริ่มส่งสัญญาณในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่ารัฐบาลปักกิ่งเริ่มหมดความอดทนกับผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง โดยล่าสุด รัฐบาลปักกิ่งได้ออกมาบอกว่าการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงมี “ลักษณะของการก่อการร้าย” ด้านรัฐบาลจีนไม่ส่งสัญญาณใดๆว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดการเยือนฮ่องกงในช่วงเวลานี้หรือไม่
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี ทางสำนักข่าวรอยเตอร์สและเอเอฟพี รายงานว่า กองกำลังตำรวจติดอาวุธของจีน หรือ PAP ประจำการอยู่บริเวณสนามกีฬาในเมืองเซินเจิ้น ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งอยู่ติดพรมแดนฮ่องกงชนิดหายใจรดต้นคอ
ล่าสุด เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงลอนดอน หลิว เสี่ยวหมิง กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลปักกิ่งจะไม่อยู่เฉยให้การประท้วงฮ่องกงปะทุ และว่าจีนพร้อมที่จัดการสถานการณ์วุ่นวายหากวิกฤตฮ่องกงไปไกลเกินควบคุม
ฝั่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความกังวลถึงท่าทีแข็งกร้าวของจีนบริเวณพรมแดนฮ่องกง โดยเสนอให้ทุกฝ่ายหาทางออกบนพื้นฐานของความเคารพในเสรีภาพของชาวฮ่องกงภายใต้ปฏิญญาร่วมจีน-อังกฤษ
ขณะที่นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ได้เตือนให้จีนระมัดระวังในการจัดการกับผู้ประท้วงฮ่องกง โดยบอกว่าการลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ ราวร้อยละ 60 ไหลเข้าสู่ฮ่องกงนั้นเป็นเพราะระบบยุติธรรมของฮ่องกงมีความน่าเชื่อถือและเป็นธรรมตามรูปแบบของอังกฤษที่วางรากฐานมาในอดีต ซึ่งหากฮ่องกงต้องสูญเสียชื่อเสียงในเรื่องนี้เพียงเพราะการตัดสินใจที่ไม่ดีจากรัฐบาลปักกิ่ง ก็อาจส่งผลกระทบกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมองว่าจีนควรจะเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีต และว่าก้าวที่ผิดพลาดของรัฐบาลจีนเพียงก้าวเดียว อาจจะทำให้จีนต้องเจอแรงปะทะจากสหรัฐฯก็เป็นได้
(เรียบเรียงรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอ Cindy Saine)
