ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'โบลตัน' เผยทรัมป์เคยขอให้ 'สี จิ้นผิง' ช่วยชนะเลือกตั้งสมัยสอง


FILE - U.S. President Donald Trump, left, conducts a meeting in the Oval Office of the White House in Washington, May 22, 2018, as then-National Security Adviser John Bolton, right, looks on.
FILE - U.S. President Donald Trump, left, conducts a meeting in the Oval Office of the White House in Washington, May 22, 2018, as then-National Security Adviser John Bolton, right, looks on.

อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว นายจอห์น โบลตัน เปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ที่มีการเผยแพร่เนื้อหาบางส่วนในวันพุธว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยขอให้ประธานาธิดีจีน สี จิ้นผิง ช่วยให้ตนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยที่สอง

นายโบลตันระบุในหนังสือว่า ระหว่างการประชุมครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้เปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยกับผู้นำจีนไปเป็นเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน และขอให้ ปธน.สี ช่วยให้ตนชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ด้วย

The Washington Post, The New York Times และ The Wall Street Journal ได้ตีพิมพ์เนื้อหาบางส่วนที่ตัดตอนมาจากหนังสือเล่มใหม่ของนายโบลตันที่กำลังจะออกเผยแพร่ในสัปดาห์หน้า ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ ได้เน้นย้ำความสำคัญของภาคการเกษตรของสหรัฐฯ และการที่จีนเพิ่มปริมาณการซื้อถั่วเหลืองและข้าวสาลีจากสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ได้เช่นกัน

เมื่อวานนี้ รัฐบาล ปธน.ทรัมป์ ได้ยื่นฟ้องนายโบลตันให้ชะลอการตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ดังกล่าว ซึ่งทางทำเนียบขาวกล่าวหาว่ามีข้อมูลลับที่อาจสร้างการรับรู้ผิด ๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจด้านนโยบายต่างประเทศของทรัมป์

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า นายโบลตันอาจถูกดำเนินคดีอาญาหากไม่ยุติการตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือฉบับนี้

จอห์น โบลตัน เคยเป็นอดีตทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งรองรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ายกิจการควบคุมอาวุธและความมั่นคงระหว่างประเทศ เขาถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว สืบเนื่องจากแนวทางนโยบายต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับ ปธน.ทรัมป์ หลายเรื่อง

อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาวผู้นี้ทำสัญญากับบริษัทสิ่งพิมพ์ Simon & Schuster เพื่อเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติของตนในช่วงที่ทำงานให้กับ ปธน.ทรัมป์ โดยคาดว่าสัญญาดังกล่าวมีมูลค่าราว 2 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ AP

XS
SM
MD
LG