กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯถูกกดดันให้รักษาสัญญาจ้างนักศึกษาตามโครงการทุนสนับสนุนตัวแทนคนกลุ่มน้อยเป็นนักการทูต หลังรัฐมนตรีเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน เคยส่งสัญญาณว่าจะเปลี่ยนข้อเสนอให้ผู้รับทุนทำงานเพียงตำแหน่งเสมียน
โครงการดังกล่าวเป็นทุนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เป็นคนกลุ่มน้อยและผู้หญิงรุ่นใหม่ โดยทุนการศึกษานี้ซึ่งเรียกว่า Rangel and Pickering Fellowship มาพร้อมกับการได้รับการจ้างงานเป็นนักการทูตเมื่อสิ้นสุดโครงการ
อย่างไรก็ตาม เกิดความวุ่นวายเกี่ยวกับทุนดังกล่าว
หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ภายใต้รัฐมนตรีทิลเลอร์สัน แสดงท่าทีว่าจะไม่จ้างให้ผู้รับทุนเป็นนักการทูตหลังจบโครงการ แต่เสนอให้ทำตำแหน่งฝ่ายสนับสนุนระดับเสมียนแทน
และหากใครไม่รับข้อเสนอใหม่ จะต้องจ่ายเงินคืนให้รัฐ 85,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ทางการลงทุนไปกับผู้รับทุนแต่ละคน
นอกจากนั้นนักเรียนนักศึกษาและผู้รับทุนนี้มีเวลาตัดสินใจเลือกข้อเสนอที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมเพียงประมาณ 9 วันเท่านั้น ตามรายงานของ New York Times
ข่าวนี้ทำให้เกิดการวิ่งเต้นครั้งใหญ่ของนักการเมืองในสภา เพื่อให้ทุน Rangel and Pickering fellowship รักษาสัญญาเดิมต่อผู้ได้รับทุนซึ่งมีประมาณ 60 คน
ในที่สุด เมื่อปลายเดือนที่แล้ว รัฐมนตรีทิลเลอร์สันยอมให้กระทรวงจ้างบุคคลเหล่านี้เป็นนักการทูตอย่างเต็มรูปแบบตามเงื่อนไขเดิม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอตัดงบประมาณกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ร้อยละ 31 คิดเป็นเงิน 16,000 ล้านดอลลาร์