เราใช้ครีมกันแดดกันก็เพื่อป้องกันผิวหนังจากการเกิดมะเร็ง และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าครีมกันแดดสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังได้ถึงร้อยละ 50
อย่างไรก็ตามงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ครีมกันแดดอาจเป็นภัยต่อแนวปะการัง ซึ่งขณะนี้อยู่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมหลายด้านอยู่แล้ว
งานวิจัยชิ้นนี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Environmental Contamination and Toxicology เป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย University of Central Florida ของสหรัฐฯ
นักวิจัยทดสอบน้ำบริเวณแนวปะการังที่รัฐฮาวายและบริเวณทะเลแคริบเบียน พวกเขาพบว่าน้ำมีความเข้นข้นของสาร Oxybenzone ในระดับสูง สารดังกล่าวเป็นอันตรายต่อแนวปะการัง และเป็นส่วนผสมที่พบมากในครีมกันแดด
งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่านอกจากที่สาร Oxybenzone จะทำให้ปะการังตายแล้ว ยังทำลายลักษณะภายของของปะการังที่ยังไม่โตเต็มที่ ทั้งยังสร้างความเสียหายต่อดีเอ็นเอของปะการังที่สมบูรณ์เต็มที่แล้วด้วย
นักวิทยาศาสตร์ John Fauth ซึ่งอยู่ในคณะวิจัย กล่าวว่าแนวปะการังที่ได้รับความเสียหายส่งผลด้านลบมาถึงมนุษย์ด้วย เขากล่าวว่าแนวปะการังเป็นระบบนิเวศน์ทางน้ำที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลมากที่สุด และแน่นอนว่ามีประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่อการทำประมง นั่นยังไม่รวมถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นำรายได้เข้าชมชุมด้วย
เขาเสริมว่าภูมิประเทศชายฝั่งทะเลหลายแห่งในโลกได้แนวปะการังเป็นเครื่องลดแรงคลื่นเมื่อเกิดพายุ แน่นอนว่าหากตีเป็นมูลค่าแล้วแนวปะการังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมหาศาล เขาบอกว่าแต่น่าเสียดายที่ปะการังกำลังอยู่ในอันตราย
ท้ายสุดนักวิจัยผู้นี้แนะนำว่า การช่วยลดสาร Oxybenzone ที่มาจากครีมกันแดดในน้ำเพื่อช่วยอนุรักษ์ปะการัง สามารถทำได้โดยการสวมชุดว่ายน้ำที่ปกป้องร่างกายจากแสงอาทิตย์เช่น wetsuit โดยไม่ต้องทาครีมครับ
(รายงานโดย Kevin Enochs / เรียบเรียงโดยรัตพล อ่อนสนิท)
