สื่อมวลชนในมาเลเซียรายงานว่า หน่วยยามฝั่งของมาเลเซียได้ทำการเผาเรือประมงต่างชาติสองลำ ขณะลอยลำในทะเลเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยนี่เป็นมาตรการที่ต่างไปจากเดิมที่เคยใช้วิธีการจมเรือประมงเเบบเงียบๆ
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงงานว่า มีเรือประมงจากจีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่มักเดินเรือเข้าไปในเขตน่านน้ำที่อยู่นอกชายฝั่งมาเลเซียทางเหนือของเกาะบอร์เนียว
ส่วนในอินโดนีเซีย มีเรือประมงจากชาติเดียวกันทั้งสามชาติข้างต้นเเละจากมาเลเซีย ที่เดินเรือเข้าไปใกล้ชายฝั่งของอินโดนีเซียมากเกินไป และประธานาธิบดีโจโก้ วีโดโด้ แห่งอินโดนีเซีย ได้สั่งให้ทางการทำลายเรือประมงต่างชาติที่ล้ำเขตน่านน้ำไปแล้ว 317 ลำ ในหลายปีที่ผ่านมา
บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า การเผาเรือประมงต่างชาติที่ล้ำเขตน่านน้ำนี้เป็นคำเตือนที่ก้าวร้าวมากขึ้นของมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ส่งไปยังเรือประมงต่างชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสนใจรอบใหม่เเก่การกล่าวอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบางส่วนในทะเลจีนใต้ของทั้งสองประเทศนี้
เติมศักดิ์ เฉลิมพลานุภาพ นักวิจัยทุนด้านกิจการการเมืองเเละความมั่นคงที่ศุนย์เอเชียอาคเนย์ศึกษา สถาบัน Yusof Ishak ในสิงคโปร์ กล่าวว่าอินโดนีเซียทำการเผาเรือประมงต่างชาติก่อนหน้านี้ และตอนนี้มาเลเซียก็เอาอย่างบ้าง โดยเชื่อว่าอาจจะเป็นการข่มขู่ให้กลัวเท่านั้น
เรือประมงมักจะไล่ตามฝูงปลาโดยไม่สนใจเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทสอื่นๆ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล บรรดานักวิชาการด้านทะเลจีนใต้กล่าวว่า ในขณะที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนมากขาดเเคลนเรือลาดตระเวณทางทะเล ที่ทำหน้าที่หยุดเรือประมงต่างชาติที่ล้ำเขตน่านน้ำของตน เเต่มีเครื่องมือในการบอกให้เรือต่างชาติรู้ว่ากำลังทำการประมงในน่านน้ำใด
Oh Ei Sun อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหนานหยางในสิงค์โปร์ กล่าวว่า บางครั้งเรือประมงเป็นหนึ่งในฝูงเรือของกลุ่มทำการประมงร่วมกัน อาทิ กลุ่มแปรรูปอาหารทะเล
ผู้เชี่ยวชาญที่เกิดในมาเลเซียคนนี้ กล่าวว่า การเผาเรือเป็นหนึ่งในวิธีการจัดการที่มาเลเซียมักจะใช้รับมือกับหลายๆ เรื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติทางวัฒนธรรม เเต่ไม่ชัดเจนว่ามาเลเซียจะใช้วิธีการเผาเรือเป็นมาตรการทั่วไปในการจัดการปัญหาเรือประมงต่างชาติล่วงล้ำเขตน่านน้ำหรือไม่
กรมการประมงของมาเลเซียชี้ว่า มาเลเซียสูญเสียอาหารทะเล 980,000 ตัน มูลค่าถึง 6 พันล้านริงกิทหรือ 1 พัน 43 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ไปกับการทำประมงผิดกฏหมาย
Oh Ei Sun อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยหนานหยาง สิงค์โปร์ กล่าวว่า เรือประมงต่างชาติน่าจะเข้าไปทำการประมงในเขตน่านน้ำของมาเลเซีย เพราะได้ปลาตัวโตกว่าและมีราคาสูงกว่า
Jay Batongbacal ผู้อำนวยการเเห่งสถาบันเพื่อกิจการทางทะเลและกฏหมายทางทะเลที่มหาวิทยาลัยแห่งฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เรือประมงจากจีนเคยถูกพบบ่อยมากที่สุด ขณะเข้าไปทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศอื่นๆ แต่เรือประมงจากเวียดนามที่ล่วงล้ำเขตน่านน้ำประเทศอื่น ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมตั้งเเต่ปี ค.ศ. 2010 หลังจากจีนขับไล่เรือเวียดนามจากการล่าปลาใกล้กับชายฝั่งจีน อาทิ บริเวณรอบหมู่เกาะพาราเซล
Batongbacal กล่าวว่า ชาติเหล่านี้ต่างพยายามป้องกันไม่ให้เรือประมงต่างชาติล่วงล้ำน่านน้ำของตน เนื่องจากมีถึง 6 ชาติที่ขัดเเย้งกันด้านดินแดนในทะเลจีนใต้ ซึ่งกินพื้นที่ 3 ล้าน 5 เเสน ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีทั้งเเหล่งน้ำมันเเละเเก๊สธรรมชาติ
เติมศักดิ์ เฉลิมพลานุภาพ แห่งศูนย์เอเชียอาคเนย์ศึกษา กล่าวว่า การล่วงล้ำเขตน่านน้ำของเรือประมง ไม่น่าจะกลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ทางการทูต เเต่เเน่นอนว่าสมาคมอาเซียนที่มีสมาชิก 10 ชาติ จะเตือนเรือประมงจากชาติตนให้เคารพต่อเพื่อนบ้าน
เขากล่าวว่า การเผาทำลายเรือประมงต่างชาติเป็นวิธีการส่วนหนึ่งของความพยายามปกป้องเขตเศรษฐกิจจำเพาะ จีนในฐานะชาติที่อ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้รายใหญ่ที่สุด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเรือประมงจีนจะยังเข้าไปทำการประมงในประเทศอื่นๆ ที่อ่อนแอกว่าต่อไปอย่างไม่ล้มเลิก เพื่อจับปลาที่ตัวโตกว่าเเละมีมูลค่าสูงกว่า
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)