บริษัทพลังงาน ซาอุดิ อะแรมโก ของทางการซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า ผลกำไรในไตรมาสที่สองของปีนี้ลดลง 73 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกลดลงจากการระบาดของโคโรนาไวรัสทั่วโลก
บริษัทพลังงานรายใหญ่แห่งนี้ รายงานผลกำไรสุทธิ 6,600 ล้านดอลลาร์ระหว่างเดือน เมษายน ถึง เดือนมิถุนายน ซึ่งลดลงจากระดับ 24,700 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลขผลประกอบการของบริษัทคู่แข่งรายใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ BP, Chevron, ExxonMobil, Royal Dutch Shell และ Total ที่มียอดขาดทุนรวมกัน 53,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกัน
เมื่อพิจารณาผลกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก ซาอุดิ อะแรมโก มีกำไร 23,200 ล้านดอลลาร์ ลดลง 50.5 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการน้ำมันที่ลดลงทั่วโลก
รัฐบาลซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตกต่ำและปริมาณการผลิตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของซาอุฯ ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน
โดยปริมาณการผลิตน้ำมันของซาอุฯ ลดลงอยู่ที่ระดับ 7.5 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเดือนมิถุนายน เทียบกับตัวเลขเฉลี่ย 10 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซาอุดิ อะแรมโก เพิ่งถูกบริษัทเทคโนโลยี แอปเปิล แซงหน้าขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าที่แตกต่างกันราว 140,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างสองบริษัท