ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ปฏิกิริยามหาอำนาจ 3 ฝ่าย... ภายหลังโอบาม่ายกเลิกมาตรการห้ามขายอาวุธให้เวียดนาม


Obama Vietnam
Obama Vietnam

รัสเซียที่เป็นผู้ค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้กับเวียดนาม ก็กำลังจับตามองท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

please wait

No media source currently available

0:00 0:03:59 0:00
Direct link

ประธานาธิบดี Barack Obama ประกาศยกเลิกมาตรการห้ามสหรัฐฯ ซื้อขายอาวุธกับเวียดนาม ที่ใช้มานานหลายสิบปี ซึ่งทำให้ประเทศมหาอำนาจในเอเชียอย่างจีนแปลกใจ รวมทั้งรัสเซียที่เป็นผู้ค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้กับเวียดนาม ก็กำลังจับตามองท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

ที่ผ่านมารัสเซียคือผู้ขายอาวุธให้กับเวียดนามรายใหญ่ที่สุด แต่การผูกขาดของรัสเซียกำลังถูกท้าทาย หลังจากประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ประกาศยกเลิกมาตรการห้ามสหรัฐฯ ซื้อขายอาวุธกับเวียดนาม ที่ใช้มานานหลายสิบปี

คุณอเล็กซานเดอร์ กาบูเอฟ ประธานโครงการ รัสเซีย – เอเชียแปซิฟิก ที่ศูนย์ Carnegie Moscow กล่าวว่า ตลาดอาวุธของเวียดนามจะมีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น แต่รัสเซียมีเครือข่ายการค้าขายอาวุธที่เข้มแข็งในเวียดนาม ขณะที่กองทัพเวียดนามก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตอาวุธของรัสเซียมาเนิ่นนาน

จึงขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนระบบการซื้อขายอาวุธในเวียดนามมากแค่ไหน? และจุดยืนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่จะเป็นอย่างไร?

U.S. President Barack Obama meets with Vietnamese Communist party secretary general Nguyen Phu Trong at the Central Office of the Communist Party of Vietnam in Hanoi, Vietnam, Monday, May 23, 2016.
U.S. President Barack Obama meets with Vietnamese Communist party secretary general Nguyen Phu Trong at the Central Office of the Communist Party of Vietnam in Hanoi, Vietnam, Monday, May 23, 2016.

สหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายมาตรการห้ามซื้อขายอาวุธกับเวียดนามมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน ในส่วนของอาวุธที่ไม่ร้ายแรง ซึ่งการประกาศล่าสุดนี้รวมถึงการยกเลิกการห้ามขายอาวุธอานุภาพสูงด้วย อย่างไรก็ตาม การค้าขายทุกครั้งจะต้องได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐฯ เสียก่อน

ด้านคุณแอนตัน ซเวทอฟ นักวิจัยที่สภากิจการระหว่างประเทศของรัสเซีย (RIAC) เชื่อว่า รัสเซียจะยังคงครอบครองตลาดการซื้อขายอาวุธในเวียดนามต่อไปอย่างน้อยอีกหลายสิบปี โดยเฉพาะในส่วนของอาวุธมูลค่าสูง เช่น เครื่องบินรบ เรือรบ และระบบป้องกันจรวดขีปนาวุธ ในขณะที่สหรัฐฯ อาจครอบครองตลาดอาวุธเฉพาะกลุ่ม เช่น ระบบตรวจตราทางทะเล หรือ เครื่องบินลาดตระเวน

เวลานี้เวียดนามกำลังพยายามเพิ่มศักยภาพทางทหาร เพื่อตอบสนองต่อท่าทีที่ก้าวร้าวของจีนในทะเลจีนใต้ และภายในปีนี้คาดว่ารัสเซียจะส่งมอบเรือดำน้ำลำสุดท้ายจากทั้งหมด 6 ลำให้กับเวียดนาม

คุณแอนตัน ซเวทอฟ เชื่อว่า รัสเซียมองว่าการที่ ปธน.โอบาม่า ประกาศยกเลิกมาตรการซื้อขายอาวุธกับเวียดนาม คือสัญญาณเตือนให้รัสเซียเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับเวียดนามมากยิ่งขึ้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกฯ เวียดนาม เหงียน ซวน ฟุค พบปะกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ที่กรุงมอสโคว์ และทั้งคู่ยังได้ร่วมการประชุม Russia – ASEAN Summit ที่เมืองโซชิของรัสเซียด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า เวียดนามพยายามแสดงให้เห็นว่ายังเป็นพันธมิตรด้านยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัสเซีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เตรียมต้อนรับการเยือนของประธานาธิบดีโอบาม่าด้วย

การประชุม Russia – ASEAN Summit ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในความพยายามของรัสเซียที่จะมุ่งเน้นทางเอเชียมากขึ้น นอกเหนือไปจากการกระชับความสัมพันธ์กับจีน โดยรัสเซียพยายามแสดงให้เห็นว่ามิได้เลือกยืนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในข้อพิพาททะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับเวียดนาม

บริษัทแก๊สของรัสเซียคือ Gazprom ได้ดำเนินการสำรวจน้ำมันอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกัน รัสเซียก็ขายอาวุธให้กับทั้งสองประเทศด้วย

คุณอเล็กซานเดอร์ กาบูเอฟ แห่งศูนย์ Carnegie Moscow ชี้ว่า หากรัสเซียเลือกยืนข้างจีนในประเด็นทะเลจีนใต้ เวียดนามก็อาจเอนเอียงไปหาสหรัฐฯ ซึ่งทั้งรัสเซียและจีนเองก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น

ในการปราศรัยที่กรุงฮานอยในวันจันทร์ ปธน.โอบาม่า เน้นย้ำว่าการยกเลิกมาตรการห้ามขายอาวุธให้กับเวียดนาม เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – เวียดนามกลับมาเป็นปกติ และมิได้มีจุดมุ่งหมายในการต่อต้านอิทธิพลของจีนแต่อย่างใด แม้ดูเหมือนจีนจะไม่เชื่อเช่นนั้นก็ตาม

(ผู้สื่อข่าว Daniel Schearf รายงานจากกรุงมอสโคว์ / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)

XS
SM
MD
LG