ลิ้งค์เชื่อมต่อ

การศึกษาชี้ อาหารที่ไม่มีประโยชน์ เป็นสาเหตุให้คนทั่วโลกเสียชีวิตทุก 1 ใน 5 คน


FILE - A selection of donuts, bagels, rolls, croissants, turnovers and sticky buns are displayed in a New York coffee cart, April 10, 2012.
FILE - A selection of donuts, bagels, rolls, croissants, turnovers and sticky buns are displayed in a New York coffee cart, April 10, 2012.

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าราว 1 ใน 5 ของคนที่เสียชีวิตทั่วโลกมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และเตือนว่าการบริโภคน้ำตาล เกลือ และเนื้อสัตว์มากเกินไปทำให้คนหลายล้านคนเสียชีวิตลงทุกปี

please wait

No media source currently available

0:00 0:02:28 0:00

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าราว 1 ใน 5 ของคนที่เสียชีวิตทั่วโลกมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และเตือนว่าการบริโภคน้ำตาล เกลือ และเนื้อสัตว์มากเกินไปทำให้คนหลายล้านคนเสียชีวิตลงทุกปี

ระหว่างที่องค์การสหประชาชาติ ประเมินว่า ประชากรเกือบ 1 พันล้านคนทั่วโลกกำลังขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ แต่ก็พบว่าเกือบ 2 พันล้านคน ได้รับอาหารมากจนเกินความจำเป็น

การศึกษาครั้งล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มการบริโภคอาหารทั่วโลก ที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet จากการสำรวจใน 195 ประเทศ ชี้ให้เห็นว่า ผู้คนรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากเกินไป รวมทั้งยังบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณน้อยอย่างน่าเป็นห่วงอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น โดยเฉลี่ยคนทั่วโลกบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากกว่า 10 เท่าของปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวัน และบริโภคโซเดียมเกินกว่าระดับที่ปลอดภัยถึง 86%

การศึกษาที่ตรวจสอบการบริโภคและแนวโน้มของโรคภัยไข้เจ็บ ระหว่างปี พ.ศ. 2543 จนถึง พ.ศ. 2560 ยังเตือนว่า คนจำนวนมากทานอาหารจำพวกเมล็ดธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง และเมล็ดพืชต่างๆ น้อยเกินไปสำหรับการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์

ในปัจจุบัน การเสียชีวิตของประชากร 11 ล้านคนมาจากการทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ของการเสียชีวิต ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอ้วน

Christopher Murray ผู้อำนวยการสถาบันด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตัน กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงสิ่งที่หลายๆ คนคิดมานานหลายปีแล้ว ว่าอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชากรโลกมากกว่าปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ

นอกจากนี้ การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยเสี่ยงด้านโภชนาการที่สำคัญ คือ การได้รับโซเดียมในปริมาณสูง หรือ การบริโภคอาหารที่เป็นผลดีต่อสุขภาพไม่เพียงพอ

คณะนักวิจัยเรียกร้องให้ประชากรโลกเปลี่ยนแปลงแนวทางการรับประทานอาหารของตน

รายงานจากวารสาร EAT-Lancet แนะนำว่า ประชากรโลกควรรับประทานเนื้อสัตว์สี่ขา หรือที่เรียกว่า red meat และน้ำตาลลดลงครึ่งหนึ่ง และรับประทานผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืชเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว ซึ่งดีต่อสุขภาพในการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วนและโรคที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม จากปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอันเป็นผลจากการเลี้ยงปศุสัตว์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยหนึ่งในพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ดีในหลายประเทศ

ตัวอย่างเช่น การทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 ชนิดตามที่แพทย์แนะนำนั้น คิดเป็นค่าใช้จ่ายเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ต่อรายได้ครัวเรือนในประเทศร่ำรวย แต่คิดเป็น 50% ของรายได้ครัวเรือนในประเทศยากจนเลยทีเดียว

Oyinlola Oyebode รองศาสตราจารย์ที่ Warwick Medical School ในเมืองโคเวนทรีประเทศอังกฤษ ที่ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัย แต่ได้ให้ความเห็นต่อการศึกษาครั้งนี้ว่า การวิจัยชิ้นนี้ช่วยชี้แนวทางว่าควรจะตั้งเป้าหมายอย่างไร ในการปรับปรุงอาหารและสุขภาพในระดับชาติและระดับโลก และว่าการขาดผลไม้ ผัก และธัญพืชเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ปัจจัยด้านอาหารอื่นๆ ที่การศึกษาครั้งนี้เน้นให้เห็นความสำคัญ ก็คือ การบริโภคโซเดียมในปริมาณที่สูง

XS
SM
MD
LG