การระบาดของปัญหาสารเสพติดที่มีส่วนผสมของ ‘โอปิออยด์’ ในสหรัฐฯ คร่าชีวิตคนอเมริกันจำนวนมาก ในการประเมินล่าสุดของทางการ การใช้ยาที่มีสารเคมีชนิดนี้เกินขนาดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 72,000 คน จากข้อมูลเบื้องต้นที่เก็บมาจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
แม้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการรับสารเสพติดโอปิออยด์เกินขนาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการสรุปผลสุดท้าย แต่ตัวบ่งชี้เบื้องต้นที่ระบุว่า แต่ละวันมีคนอเมริกันเสียชีวิต เกือบ 200 ราย จากการเสพสารชนิดนี้มากจนเกิดอาการ ‘โอเวอร์โดส’ เป็นตัวเลขที่น่าวิตกอย่างยิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจมากกว่าประมาณการ 20 ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และการใช้สารเสพติดเกินขนาดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของประชากรอเมริกันที่อายุต่ำกว่า 50 ปี
สองในสามของคนที่เสียชีวิตจาก ‘โอปิออยด์ โอเวอร์โดส’ เป็นผู้การรับประทานยาแก้ปวดชนิดรุนแรง ผู้เสพเฮโรอินและผู้ใช้ยาที่มีสารสังเคราะห์ของโอปิออยด์ ที่เรียกว่า เฟนทานิล (fentanyl)
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปีที่แล้ว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นวิกฤตที่ต้องได้รับการแก้ไขด้านสาธารณสุขระดับชาติอย่างฉุกเฉิน และเร่งเร้าให้หน่วยงานต่างๆระดมทรัพยากร เพื่อหาทางต่อสู่กับปัญหานี้อย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าววีโอเอร่วมกันทำรายงานพิเศษ ชื่อว่า “The Damage Done” ซีรีส์ดังกล่าวเล่าถึงปัญหาอย่างเจาะลึก โดยเน้นถึงผลกระทบต่อชีวิตคนและชุมชนจากการใช้สารเสพติด โอปิออยด์ในสหรัฐฯ ซึ่งกลายเป็นวิกฤตของชาติ นอกนี้นั้นยังฉายภาพให้เห็นถึงมุมมองจากเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย
รายงานตอนหนึ่ง กล่าวถึงการกวาดล้างชุมชนผู้ติดยาเสพติดที่ย่านเคนซิงตัน ในนครฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถึงแม้ว่าตำรวจจะรวบตัวผู้ติดยาเสพติดได้ คำถามสำคัญที่ตามมา คือจะมีกระบวนการดำเนินการอย่างไรกับคนเหล่านี้
อีกตอนหนึ่งที่กล่าวถึงงานของตำรวจผ่านปัญหาของการติดยาเสพติดชนิดนี้ในชุมชนหนึ่งของรัฐนอร์ธแคโรไลน่า ผู้บัญชาการตำรวจในพื้นที่นั้นกล่าวถึงความซับซ้อนของการทำสงครามกับการติดสารโอปิออยด์ว่า การจับกุมตัวผู้กระทำผิดไม่ใช้การแก้ปัญหาอย่างเพียงพอ
นักข่าวของวีโอเอยังได้สัมภาษณ์ผู้ติดสารชนิดนี้เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาระดับบุคคล ในตัวอย่างที่เห็นได้จาก คุณแม่รายหนึ่งในนครไมอามี รัฐฟลอริดา ที่เสียสิทธิ์ทางกฎหมายในการดูแลบุตร โดยผู้ที่มีส่วนทำให้เธอถูกดูดเข้าสู่หลุมดำของการติดยาก็คือสามีของเธอนั่นเอง
ผู้ที่สนใจดูรายละเอียดของซีรีส์ The Damage Done ที่เป็นภาษาอังกฤษสามารถเข้าไปที่ www.voanews.com
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง)