ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ทำเนียบขาว ร้องขอให้ศาลสูงสหรัฐฯ ยกเลิก Obamacare


FILE - A sign on an insurance store advertises Obamacare in San Ysidro, San Diego, California, U.S.
FILE - A sign on an insurance store advertises Obamacare in San Ysidro, San Diego, California, U.S.

ทำเนียบขาวยื่นเรื่องต่อศาลสูงสหรัฐฯ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เพื่อขอให้ยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพทั่วหน้าของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา หรือ Obamacare ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ยังดำเนินอยู่และมีพลเมืองที่ต้องพึ่งพาสวัสดิการรัฐอยู่เป็นจำนวนมาก

บริบททางสังคมอเมริกันนั้นต่างจากของประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ในเรื่องของสวัสดิการประกันสุขภาพ เนื่องจากชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์ดังกล่าวนั้นต้องเป็นผู้ที่มีงานทำ แต่หลังจากเกิดการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้พื้นที่เกือบทั่วประเทศต้องสั่งล็อคดาวน์ ซึ่งส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปิดตัวลงชั่วคราวเป็นจำนวนมาก และผู้คนหลายสิบล้านคนต้องกลายมาเป็นคนว่างงานและไม่มีประกันสุขภาพคุ้มครองทันที

ยิ่งไปกว่านั้น นายจ้างบางแห่งไม่ได้รับผิดชอบเบี้ยประกันให้กับลูกจ้างคนตนเสมอ ดังนั้น หลายคนจึงต้องควักเงินจ่ายค่าเบี้ยด้วยตนเอง และนั่นคือจุดที่ทำให้ก่อกำเนิด กฎหมายประกันสุขภาพทั่วหน้า Obamacare ที่มีชื่อเป็นทางการว่า Affordable Care Act ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ให้กับประชาชนได้มาก

ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี่ เปโลซี่ ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า “การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และทีมงานหาเสียงของพรรครีพับลิกัน ต้องการทำลาย Affordable Care Act ที่ให้สิทธิประโยชน์และการปกป้องประชาชน ในช่วงที่วิกฤติโคโรนาไวรัสยังดำเนินอยู่นี้ ถือเป็นความโหดเหี้ยมเกินคาดจริงๆ”

รายงานข่าวระบุว่า ศาลสูงสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดศาลเพื่อไต่สวนปากเปล่าในเดือนตุลาคมนี้

ข้อมูลล่าสุดจาก มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮฮพกินส์ ณ บ่ายวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อในประเทศแล้วกว่า 2.4 ล้านคน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 124,500 คน ทำให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงอันดับหนึ่งของโลก ตามมาด้วยบราซิล และรัสเซีย

นอกจากนั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 36,400 ราย ซึ่งมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮฮพกินส์ บันทึกไว้เมื่อวันที่ 24 เมษายน ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC กล่าวว่า ในความเป็นจริง อาจมีผู้ติดเชื้อในประเทศถึงกว่า 20 ล้านคนแล้วเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากมีกรณีการติดเชื้อที่ไม่มีการบันทึกไว้ในระบบอยู่

XS
SM
MD
LG