ชาวเม็กซิโกได้ลุกขึ้นมาต่อต้านการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าสน บนภูเขาในทางตะวันตกของประเทศ หลังจากที่มีการลักลอบถางป่าเพื่อใช้พื้นที่ปลูกอะโวคาโด ซึ่งนำไปสู่การสูบใช้น้ำของท้องถิ่นจนหมด และยังทำให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเข้ามาหาผลประโยชน์โดยการขูดรีดเงินอีกด้วย ตามการรายงานของสำนักข่าว Associated Press
เมืองเชราน (Cheran) ในรัฐมิโชอาคาน (Michoacan state) เป็นหนึ่งในเมืองที่ประสบความสำเร็จในการต่อต้านการลักลอบตัดไม้เพื่อทำสวนอะโวคาโดอย่างผิดกฎหมาย มีการแบ่งพื้นที่การปลูกอะโวคาโดและพื้นที่ป่าชัดเจน
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เมืองเชรานประสบความสำเร็จ คือการที่เชรานสามารถประกาศตัวเป็นเมืองอิสระและก่อตั้งรัฐบาลท้องถิ่นปกครองตนเองได้สำเร็จ ในขณะที่เมืองอื่น ๆ ที่ต่อต้านการลักลอบตัดไม้เพื่อทำสวนอะโวคาโด กลับต้องพบเจออุปสรรค และถูกข่มขู่คุกคามจากชาวสวนอะโวคาโดและผู้ค้ายาเสพติดที่ใช้ความรุนแรง
เดวิด รามอส เกร์เรโร สมาชิกของคณะกรรมการชาวสวนแห่งเมืองเชราน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า ชาวสวนแห่งเมืองเชรานได้รับอนุญาตให้ปลูกต้นอะโวคาโดได้ไม่เกิน 10 ต้น เพื่อใช้เป็นอาหารเท่านั้น ทุกคนได้ตกลงกันว่าจะไม่ให้มีการปลูกอะโวคาโดเชิงพานิชย์ ซึ่งเขามองว่ามีแต่จะทำให้เกิด “ความรุนแรงและการเสียเลือดเสียเนื้อ” ขึ้น
อะโวคาโดนั้นเรียกได้ว่าเป็น “ปาฎิหารย์แห่งพืชผลการเกษตร” สำหรับเกษตรกรรายย่อยในรัฐมิโชอาคานหลายพันคน การมีสวนอะโวคาโดเพียงไม่กี่ไร่ ก็ทำให้ชาวสวนสามารถหารายได้ส่งลูกเรียนต่อถึงระดับมหาวิทยาลัย ซื้อรถปิกอัพได้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลผลิตการเกษตรอื่น ๆ ไม่สามารถให้ได้
การทำสวนอะโวคาโดได้ทำให้เกิดการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสน แทนที่จะใช้พื้นที่สวนข้าวโพดที่ไม่ใช้แล้ว ป่าสนทำหน้าที่ป้องกันความร้อนและรักษาความชุ่มชื่นให้กับพื้นดิน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ดูดและเก็บกักความชื้นในอากาศเอาไว้ ในขณะที่รากของต้นสนนั้นยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการชำระล้างหน้าดินอีกด้วย
แต่เมื่อมีการปลูกอะโวคาโด สิ่งแรกที่ชาวสวนทำ คือการขุดเอาน้ำบาดาลออกมาใช้เพื่อรดน้ำ เพราะอะโวคาโดเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างมาก จนทำให้ลำธารในธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะของผู้คนที่อยู่ด้านล่างของภูเขาถูกดูดจนเหือดแห้ง
ที่ผ่านมา ทั้งเกษตรกรผู้ปลูกและผู้ส่งออกอะโวคาโดไม่ได้มีมาตรการจริงจังใด ๆ ออกมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการปลูกและส่งออกอะโวคาโดอย่างยังยืน สมาคมผู้ปลูกอะโวคาโดแห่งเม็กซิโกเองไม่ได้ตอบรับการขอสัมภาษณ์จากสำนักข่าว AP เพื่อชี้แจง แต่อย่างใด
ในกรณีของเมืองเชรานนั้น ชาวเมืองได้ทำการทดลองเมื่อปี ค.ศ.2011 โดยการปิดกั้นถนนที่ใช้ในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ใช้รถแบ็คโฮขุดตัดถนนจนเป็นร่อง และเริ่มด้วยการใช้ความเป็นมิตรขอร้องความร่วมมือจากชาวสวนอะโวคาโด แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ กลุ่มชาวเมืองเชรานก็จะนำกำลังเข้าทำลายและตัดต้นอะโวคาโดทิ้ง และหากยังมีข้อขัดแย้งหลังจากนั้น ก็จะมีการนำกำลังพลติดอาวุธออกตรวจตราพื้นที่ป่า ยึดเครื่องมือที่ผู้บุกรุกป่าใช้ตัดต้นไม้ เป็นต้น
ชาวสวนอะโวคาโดหลายคน ได้หันมาตกลงกันว่าจะไม่ปลูกอะโวคาโด และจะใช้พื้นที่ปลูกต้นสนแทนเพื่อบำรุงรักษาป่าและหันมาประกอบอาชีพที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อป่ามากขึ้น
แต่ในขณะที่เมืองอย่างเชราน ประสบความสำเร็จในการต่อต้านการลักลอบถางป่าเพื่อทำสวนอะโวคาโด เมืองอื่น ๆ ในมิโชอาคานที่ไม่ได้มีการปกครองตนเอง กลับยังต้องต่อสู้ต่อไป ในเมือง วิลลา มาเดโร ที่อยู่ไปไกลออกไป นักเคลื่อนไหวท้องถิ่นสามารถระดมชาวบ้านให้ช่วยกันลาดตระเวนพื้นที่ป่า แต่สุดท้ายก็ถูกกลุ่มค้ายาเสพติดนำตัวไปรุมทำร้าย เพื่อให้ล้มเลิกการกระทำดังกล่าว
ฆูลิโอ ซานโตโย นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่าเขาไม่แน่ใจว่าแก๊งค้ายาเสพติดมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคนลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและชาวสวนอะโวคาโด แต่เขาเชื่อว่าแก๊งต่าง ๆ อาจจะเป็นผู้ลงทุนในการทำสวนอะโวคาโดและได้รับผลประโยชน์โดยตรง เพราะประมาณสิบปีก่อนหน้านี้ แก๊งค้ายาเสพติดแก๊งหนึ่งได้เข้าครอบครองธุรกิจการทำเมืองเหล็กและจัดการส่งออกไปยังประเทศจีน
ปัจจุบันในเมือง วิลลา มาเดโร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกโอบล้อมไปด้วยป่าสน ได้กลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกอะโวคาโด และเมื่อมีการตัดไม้ทำลายป่าสนไปมาก จึงทำให้เกษตรกรต้องขุดให้ลึกลงไปอีกเพื่อสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ โดยซานโตโยค้นพบจากการใช้ กูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ว่ามีการขุดบ่อน้ำบาดาลมากถึง 360 บ่อเพื่อรดน้ำต้นอะโวคาโด จนทำให้ทุกวันนี้ ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้เพียงพอ ต้องขับรถกระบะ ใช้ม้า หรือเดินไปหาน้ำจากแหล่งอื่นมาใช้แทน