นักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ทำให้ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกในปีนี้มีแนวโน้มจะทรุดหนักสุดในรอบกว่า 10 ปี ตามรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์ส
บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ Bain กล่าวในวันพุธว่า การหดตัวของยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 20-35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ว่าจะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวที่ชัดเจนในตลาดจีนที่บันทึกการเติบโตของยอดขายถึง 45 เปอร์เซ็นต์ หลังวิกฤตโควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงแล้วก็ตาม
Bain กล่าวว่า อัตราการหดตัวที่คาดไว้ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าก่อนหน้านี้ ยังเป็นผลจากการที่หลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงฤดูร้อน ทำให้ร้านค้าต่างๆ สามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง
แต่การกลับมาของโคโรนาไวรัสในยุโรปและสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนที่แล้ว นำมาซึ่งมาตรการจำกัดต่างๆ และการสั่งปิดร้านค้ามากมาย ขณะที่ความมั่นใจผู้บริโภคเองอยู่ในระดับที่ไม่สูง เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกี่ยวโยงกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย
บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจนี้ประเมินว่า ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ 4 ของปีน่าจะลดลงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจสูงกว่านั้น โดยขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลใดจะออกคำสั่งปิดภาคธุรกิจในช่วงฤดูกาลจับจ่ายของขวัญคริสต์มาสบ้าง
Bain กล่าวด้วยว่า วิกฤตโควิด-19 กลายมาเป็นตัวเร่ง 3 เทรนด์ ซึ่งก็คือ การปรับขึ้นของการสั่งซื้อของผ่านระบบออนไลน์จาก 12 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว กลายมาเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ การส่งให้ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ส มีโอกาสกลายมาเป็นช่องทางธุรกิจที่สำคัญของสินค้าฟุ่มเฟือยในภายปี ค.ศ. 2025 และการที่ประชาชนทั่วโลกหันมาซื้อหาของที่ต้องการภายในประเทศเนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ในช่วงที่ผ่านมา
