เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 245,000 ตำแหน่ง เป็นจำนวนต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งสัญญาณถึงการจ้างงานที่ชะลอตัวลงหลังโคโรนาไวรัสกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า อัตราการว่างงานในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 6.7 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเดือนตุลาคม ที่อยู่ที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นอัตราการว่างงานที่สูงอยู่
จำนวนการจ้างงานในเดือนที่แล้ว ต่ำกว่าในเดือนตุลาคมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 610,000 ตำแหน่งอย่างมาก และเป็นจำนวนการจ้างงานที่ชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้าแล้ว
รายงานฉบับดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นายจ้างไม่เต็มใจหรือไม่สามารถจ้างพนักงานได้ในช่วงที่การระบาดของไวรัสระลอกใหม่ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ และทำให้เจ้าของธุรกิจต้องปิดกิจการอีกครั้ง
ทั้งนี้ แม้จำนวนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนจะถือว่าเป็นตัวเลขปกติในช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัส แต่การจ้างงานในปัจจุบันก็ยังต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดการระบาดถึงราว 10 ล้านตำแหน่ง
แม้การกลับมาจ้างงานผู้ที่ถูกให้ออกจากงานในช่วงการระบาดของไวรัสเร็วขึ้นจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ แต่ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามานี้ การจับจ่ายใช้สอยอาจลดลง และมีตำแหน่งงานเปิดใหม่น้อยลง โดยเฉพาะตำแหน่งงานในร้านอาหารและภาคส่วนอื่นๆ ที่หันมาดำเนินธุรกิจภายนอกอาคารกันมากขึ้น
สภาคองเกรสกำลังพยายามผลักดันแผนให้เงินช่วยเหลือผู้ตกงานกว่า 9 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงต่อแผนดังกล่าวได้ในเร็ววัน ผู้ว่างงานทั่วประเทศอาจไม่ได้รับเงินช่วยเหลือทั้งจากรัฐและจากรัฐบาลกลางหลังช่วงเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากโครงการช่วยเหลือผู้ตกงานสองโครงการที่มีอยู่ในขณะนี้กำลังจะสิ้นสุดลงในปลายเดือนนี้
