กว่า 13 เดือนหลังจากการรัฐประหารในเมียนมาเพื่อยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน ขณะนี้เมียนมากำลังประสบปัญหามากมายหลายด้านทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงราคาอาหารที่สูงขึ้น ตลอดจนปัญหาขาดแคลนน้ำและไฟฟ้า
มาตรการตัดไฟตามเวลาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อลดปัญหาการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอนั้น ดูเหมือนยังไม่สามารถลดการขาดแคลนพลังงานได้ โดยเฉพาะในย่านธุรกิจสำคัญในนครย่างกุ้งซึ่งมีประชากรราว 7 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลใช้วิธีตัดไฟสองครั้งทุก 24 ชม. ทำให้บางครอบครัวไม่มีไฟฟ้าใช้ถึง 6 ชม. ต่อวัน และมีเพียงแต่กรุงเนปิดอว์ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทัพเมียนมาเท่านั้นที่ไม่มีปัญหาไฟฟ้าถูกตัด
เมื่อต้นเดือนนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศใช้มาตรการตัดไฟตามเวลาเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 18 มีนาคม โดยระบุว่าเป็นผลจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นและโครงสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ถูกโจมตีโดยกองกำลังต่อต้านกองทัพเมียนมา
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในเมียนมาเปิดเผยกับสำนักข่าว เรดิโอ ฟรี เอเชีย (RFA) ภาคภาษาเมียนมาว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาและยิ่งสร้างความไม่พอใจมากขึ้นในหมู่ประชาชน ขณะที่ชาวบ้านในหลายเมืองต้องหันไปใช้เตาถ่านในการหุงหาอาหารแทน และรอปั๊มน้ำขึ้นมาใช้เมื่อไฟมาซึ่งมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น หรือต้องไปเข้าแถวรอรับน้ำจากจุดแจกจ่ายน้ำของทางการ
ขณะเดียวกัน บรรดานักเคลื่อนไหวในเมียนมาเตือนว่า ปัญหาไฟฟ้าดับทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปิดทำการชั่วคราว ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องตกงาน
ดอว์ เมียว เมียว อาย ประธานของ United Confederation of Trade Unions กล่าวว่า โรงงานสิ่งทอหลายแห่งต้องปิดตัวลงเพราะไม่มีไฟฟ้าเพียงพอ ประกอบกับราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ความไม่มั่นคงทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ทางด้าน ซอว์ ยาน วิศวกรไฟฟ้าชาวเมียนมา กล่าวกับ RFA ว่า เมียนมาจะไม่สามารถมีแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่พึ่งพาได้ตราบเท่าที่รัฐบาลทหารเมียนมายังคงอยู่ในอำนาจ เนื่องจากชิ้นส่วนของเครื่องปั่นไฟที่ใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำต่าง ๆ ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถทำได้ภายใต้มาตรการลงโทษจากต่างชาติที่เมียนมากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
"ยิ่งไปกว่านั้น ลูกจ้างจำนวนมากของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานต่างเข้าร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร ทำให้โรงไฟฟ้าของรัฐไม่สามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพได้" วิศวกรผู้นี้กล่าว
