ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิจัยปรับปรุงยาปฏิชีวนะให้มีฤทธิ์ดีขึ้นรับมือ“ซุปเปอร์บัคส์”


This 2006 colorized scanning electron micrograph image made available by the U.S. Centers for Disease Control and Prevention shows the O157:H7 strain of the E. coli bacteria.
This 2006 colorized scanning electron micrograph image made available by the U.S. Centers for Disease Control and Prevention shows the O157:H7 strain of the E. coli bacteria.

แอนโธนี่ โคทส์ (Anthony Coates) ผู้ก่อตั้ง เฮลเปอร์บี เธอราพิวติกส์ (Helperby Therapeutics) กล่าวว่า เชื้อเเบคทีเรียปรับตัวเพื่อต่อต้านยาปฏิชีวนะมาตลอดตั้งเเต่วงการเเพทย์เริ่มใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา

โคทส์ กล่าวว่ ามนุษย์ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ระหว่างคริสต์ทศวรรษที่ 1940-1970 ด้วยการพัฒนายาปฏิชีวนะตัวใหม่ออกมารวม 30 ชนิดโดยใช้ส่วนประกอบยา 200 ชนิดที่มีโครงสร้างทางโมเลกุลคล้ายคลึงกัน

หลังจากนั้นได้ยุติการพัฒนายาปฏิชีวนะตัวใหม่ออกมาอีกเพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว เเต่เชื้อเเบคทีเรียได้ต่อต้านต่อยาปฏิชีวนะที่พัฒนาขึ้นทั้งหมด เขากล่าวว่า มนุษย์จะต้องไม่ทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีก เเละต้องพัฒนายาปฏิชีวนะตัวใหม่ๆ ออกมาแบบค่อยเป็นค่อยไป และใช้ส่วนประกอบของยาที่ไม่ซ้ำกัน

การพัฒนาสูตรการผสมส่วนประกอบของยาปฏิชีวนะที่ไม่ซ้ำกัน เป็นวิธีที่ เฮลเปอร์บี เธอราพิวติกส์ ใช้ในการปรับประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะตัวเก่าให้สามารถกำจัดเชื้อเเบคทีเรียดื้อยาได้ อาทิ ยาโคลิสติน (colistin) ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้รักษาการติดเชื้อเเบคทีเรียตระกูล CRE ที่ถือเป็นซุปเปอร์บัคส์ที่มีความรุนแรง เเละอาจทำให้เสียชีวิตได้ และเริ่มเห็นการติดเชื้อ CRE ดื้อยาในจีนและบางประเทศในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้เเล้ว

โคทส์ กล่าวว่าเชื้อโรคดื้อยา “ซุปเปอร์บัคส์” ตระกูล CRE อาจสร้างจุดจบเเก่การรักษาโรคด้วยยาแผนปัจจุบัน

เขาอธิบายว่า ในจานทดลองควบคุม สามารถมองเห็นเชื้อเเบคทีเรียดื้อยารุนแรงตระกูล CRE กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

โคทส์ กล่าวว่า หากจินตนาการว่ากำมือของเขาเป็นยาปฏิชีวนะโคลิสติน เเล้วเติมยาปฏิชีวนะตัวที่สองลงไปในโคลิสตินเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพให้ดีขึ้น เเล้วนำส่วนผสมนี้ไปบำบัดคนไข้

การผสมยากระตุ้นประสิทธิภาพลงไปในยาปฏิชีวนะเดิมที่มีอยู่ ช่วยให้ยามีฤทธิ์มากขึ้น สามารถเจาะเข้าไปในผนังเซลล์ที่เเข็งเเรงของเชื้อเเบคทีเรียดื้อยารุนแรงตระกูล CRE และเชื้อซุปเปอร์บัคส์ชนิดอื่นๆ เเละกำจัดเชื้อโรคได้สำเร็จ

โคทส์ แห่ง เฮลเปอร์บี เธอราพิวติกส์ กล่าวว่าเมื่อนำส่วนผสมของยาปฏิชีวนะกับยาเสริมฤทธิ์ลงไปในจานทดลองควบคุมที่มีเชื้อเเบคทีเรียดื้อยารุนแรง CRE จะเห็นว่าเชื้อแบคทีเรียหยุดการเติบโต

แอนโธนี่ โคทส์ กล่าวปิดท้ายรายงานว่า หากใช้ยาเสริมฤทธิ์ชนิดใหม่หนึ่งชนิดผสมกับยาปฏิชีวนะดั้งเดิมทุก 30 ปี เขาเชื่อว่ายาปฏิชีวนะที่มีอยู่จะสามารถป้องกันการดื้อยาของเชื้อเเบคทีเรียได้ เเละช่วยให้ยาโคลิสตินเเละยาปฏิชีวนะประสิทธิภาพสูงตัวอื่นๆ ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ต่อไปในอนาคต

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)

XS
SM
MD
LG