ราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้นถึงระดับ 75 ดอลลาร์ ต่อ บาร์เรล ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง และการที่ประเทศต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 อีกครั้งได้กลายมาเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันไปโดยปริยาย
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.26 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 70.56 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาในสหรัฐฯ หลังปรับตัวลงไปก่อนหน้าลงสู่ระดับต่ำกว่า 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ขณะที่ สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปรับขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.29 เปอร์เซ็นต์ มาที่ 68.35 ดอลลาร์ ต่อ บาร์เรล
การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบนี้เกิดขึ้นหลังมีรายงานข่าวว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลทำการโจมตีจุดยิงจรวดในเลบานอนในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า เป็นการตอบโต้การยิงจรวด 2 ลูกจากพื้นที่เลบานอน เข้าใส่อิสราเอล
รายงานข่าวระบุว่า การโจมตีใส่กันในครั้งนี้ปะทุขึ้น หลังมีการโจมตีเรือขนส่งน้ำมันที่บริเวณนอกชายฝั่งประเทศโอมานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และทางอิสราเอลกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน แต่อิหร่านออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
นอกเหนือจากประเด็นความตึงเครียดในตะวันออกกลางแล้ว หลายฝ่ายเริ่มความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของความต้องการน้ำมันโลก ที่ได้ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศผู้ซื้อสำคัญๆ เช่น สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น ที่เป็นลูกค้าอันดับที่ 1 และ 2 ของโลก
