นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความเเห้งเเล้งต่อที่ดินทำกินของชุมชนเกษตรที่หลายพื้นที่ทั่วโลก
ตัวอย่างหนึ่งของปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เม็กซิโก ซึ่งหนึ่งในสามของประชากร 20 ล้านคนในกรุงเม็กซิโกซิตี้ได้รับผลกระทบจากการไม่มีน้ำใช้เพียงพอ
เอ็ดการ์ โกดอย แห่งองค์การเเนวร่วมเพื่อสิ่งเเวดล้อมเเละเกษตรกร Mexico for the Rainforest Alliance กล่าวว่า ความเเห้งเเล้งทำให้เกษตรกรไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงประเภทเดียว
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องตัดไม้ทำลายป่าเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งทำให้สิ่งเเวดล้อมถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง
นอกจากความเเห้งเเล้งและไฟป่าเเล้ว สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ ยังก่อให้เกิดน้ำท่วม และการละลายของภูเขาน้ำเเข็ง
เหตุการณ์น้ำท่วมรุนเเรงมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากที่ดินที่ถูกทำลายจากการถางป่าไม่สามารถอุ้มนำ้ได้เช่นเคย
ปัญหาลูกโซ่เช่นนี้ยังเกิดขึ้นที่อินโดนีเซีย โดยกลุ่ม Rainforest Alliance แห่งอินโดนีเซียกล่าวว่า เมื่อเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ชุมชนเล็กๆได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ตัวอย่างเช่น หากเกิดดินถล่มหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ไกลความเจริญ ชุมชนดังกล่าวก็จะถูกตัดขาดมากยิ่งขึ้นจากระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน