ลิ้งค์เชื่อมต่อ

แถวนักช้อป Black Friday บางตา หลังจิ้มของใส่ตะกร้าออนไลน์ปลอดภัยกว่าช่วงโควิด-19


Black Friday at the Tysons Corner Center
Black Friday at the Tysons Corner Center

ในวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า หรือศุกร์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนทุกปี จะเป็นวันที่ผู้บริโภคจำนวนมากในสหรัฐฯ ไปต่อแถวเข้าคิวรอเพื่อซื้อสินค้าราคาถูกเป็นพิเศษจากห้างร้านต่าง ๆ ที่จัดมหกรรมลดราคา ฺBlack Friday จนกลายเป็นธรรมเนียมการช้อปปิ้งในไปแล้ว

แต่ในปีนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความกระตือรือร้นของขาช้อป Black Friday และจำนวนคนที่ไปต่อคิวรอตามร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น ห้างสรรพสินค้าเมซี่ (Macy's) วอลมาร์ท (Walmart) หรือเบสท์​บาย (Best Buy) กลับลดน้อยลงกว่าเดิม เพราะความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 ประกอบกับการที่ห้างร้านหลายแห่งได้จัดโปรโมชั่นลดราคาล่วงหน้ามาก่อนแล้ว

ห้างร้านมีการนำมาตรการต่าง ๆ มาใช้เพื่อลดความแออัดและจำนวนคนในร้านและป้องกันการติดโควิด-19 ผู้นำการค้าปลีกของสหรัฐฯ อย่าง วอลมาร์ท เปิดทำการตั้งแต่เวลาตีห้าในเช้าวันศุกร์ และกำหนดให้ผู้มาจับจ่ายใช้สอยเดินไปตามเส้นทางที่กำหนด พร้อมนำแผ่นพลาสติกมากั้นบริเวณที่ชำระเงิน เช่นเดียวกับ เบสท์​บาย ที่เปิดตั้งแต่ตีห้า และมีพนักงานที่คอยทำหน้าที่ควบคุมการจราจรในห้าง ส่วนที่อื่น ๆ บางแห่งมีการตรวจอุณหภูมิ และนำสินค้าบางประเภท เช่น ของเล่น จักรยาน และอุปกรณ์ทำครัว มาจัดไว้ให้หยิบง่าย ๆ เพื่อไม่ให้ผู้คนเอ้อระเหยอยู่ในร้านนานจนเกินไป

โดยก่อนหน้านี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือ CDC ได้เตือนว่า การไปซื้อของในร้านค้าที่แออัดในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หรือก่อนหรือหลังจากนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดโควิด-19 ทั้งสิ้น

Macy's Herald Square during early opening for the Black Friday sales in Manhattan
Macy's Herald Square during early opening for the Black Friday sales in Manhattan

ในปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ร้านค้าปลีกหลายแห่ง เช่น ทาร์เก็ต โคห์ล และวอลมาร์ท ได้เริ่มออกโปรโมชั่นลดราคาต้อนรับฤดูหนาวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อของตั้งแต่เนิ่น ๆ

ในภาพรวม สมาพันธุ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ (National Retail Federation) ทำนายว่า ยอดค้าปลีกในช่วงเทศกาลวันหยุดสหรัฐฯ ปีนี้ จะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 3.6% ถึง 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นจำนวนเงิน 755 ถึง 766 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นยอดที่สูง หากเทียบกับยอดการจับจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 2.5% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การสำรวจของ Adobe Analytics ยังคาดการณ์ว่าผู้บริโภคอเมริกันมากกว่าครึ่งหนึ่ง จะซื้อของผ่านระบบออนไลน์ในวัน Black Friday อย่างไรก็ตาม ประมาณ 55% ของผู้บริโภคกล่าวว่า พวกเขารู้สึกว่าการลดราคาในช่วงสุดสัปดาห์ Black Friday ในปีนี้ มีความพิเศษน้อยลง เนื่องจากห้างร้านต่าง ๆ มีโปรโมชั่นลดราคาสิ้นค้ามาก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนในฝั่งสหราชอาณาจักร ยอดการจับจ่ายในวัน Black Friday ลดลง 13.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากข้อมูลเบื้องต้นของ Barclaycard หลังจากที่ผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นพากันปิดร้านในช่วงเทศกาลวันหยุด และหลายร้านจัดโปรโมชั่นลดราคาส่งเสริมการขายไปก่อนหน้านี้ทั้งเดือนแล้ว

อย่างไรก็ตาม Barclaycard คาดการณ์ว่าเมื่อมาตรการล็อคดาวน์รอบที่สองของประเทศอังกฤษสิ้นสุดลงในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ยอดการจับจ่ายซื้อของจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง และมากยิ่งกว่าช่วง Black Friday

XS
SM
MD
LG