ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิเคราะห์คาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้โต 1.5% เพิ่มเป็น 3.5% ปีหน้า และข่าวธุรกิจอื่นๆ


please wait

No media source currently available

0:00 0:05:55 0:00
Direct link

นักวิเคราะห์คาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า

นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) หรือย่อๆว่า Fed จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่กดไว้ต่ำมากเวลานี้ในกลางปีหน้า การที่ต้องกดดอกเบี้ยไว้ต่ำก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มต้นในปี ค.ศ. 2008

รายงานการประชุมของคณะกรรมการ Open Market Operations ของธนาคารกลางในเดือนกันยายน แต่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่า ประเด็นสำคัญของที่ประชุม คือการขึ้นดอกเบี้ยและแจ้งให้ตลาดรับรู้โดยไม่ทำให้ตลาดวิตกกังวล

เรื่องนี้กำลังเป็นที่สนใจเพราะดัชนีเศรษฐกิจหลายอันในขณะนี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเติบโต การว่างงานลดลงไปต่ำกว่า 6% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่า 2%

การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลดต่ำสุดในช่วงหกปี

สำนักงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐเปิดเผยว่าในปีงบประมาณที่เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา การขาดดุลงบประมาณของประเทศลดลงมาอยู่ที่ 486 พันล้านดอลล่าร์ น้อยกว่าการขาดดุลปีที่แล้ว 195 พันล้านดอลล่าร์ นับว่าดีเกินความคาดหมายของทั้งสำนักงบประมาณฯ และของทำเนียบ White House

ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2009 – 2012 การขาดดุลที่ว่านี้ สูงมากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลล่าร์ต่อปี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

IMF เรียกร้องให้มีการลงทุนมากขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราการโตของเศรษฐกิจโลก

รายงานต่อที่ประชุมร่วมระหว่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธ เรียกร้องให้มีการลงทุนมากขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราการโตของเศรษฐกิจโลก

นาย Jose Vinals ที่ปรึกษาทางการเงินของ IMF กล่าวว่า การกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบการเงินได้ ถ้าสถานการณ์เกิดไม่อำนวยขึ้นมา
ผู้เชี่ยวชาญการเงินผู้นี้เรียกร้องให้ผู้วางนโยบายของประเทศช่วยธนาคารปรับตัวให้แข็งแรงขึ้น เพื่อจะได้ให้เงินกู้สำหรับการลงทุน และเพิ่มอัตราการโตของเศรษฐกิจโลกได้

ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้โต 1.5% เพิ่มเป็น 3.5% ปีหน้า

รายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศไทยในปีนี้จะโตเพียง 1.5% ส่วนหนึ่งนั้นสืบเนื่องมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเพราะการประท้วงและเหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงในครึ่งแรกของปีนี้ แต่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตในอัตรา 3.5% ในปีหน้า

ดร. กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก กล่าวไว้ด้วยว่า มีปัญหาท้าทายเศรษฐกิจไทยสองประการด้วยกัน กล่าวคือ ภาระหนี้สินของผู้บริโภคสูงในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังสูงไม่พอ ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการภายในประเทศไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร

ในอีกด้านหนึ่งการส่งออกของไทยโดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดสำคัญๆ เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐ ยังไม่แข็งขันอย่างที่ควรจะเป็น

แต่นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกผู้นี้ให้ความเห็นไว้ด้วยว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านดอลล่าร์ของไทยน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจก้าวหน้าไปได้

แฟชั่นชั้นนำต้อง Made in Italy

ผลิตภัณฑ์แฟชั่นมีชื่อ อย่าง Armani, Burberry และ Prada เป็นที่ยอมรับว่าฝีมือดี หรูหราและราคาแพง

เมื่อ 7 ปีที่แล้ว นักออกแบบของแฟชั่นชื่อดังเหล่านี้ เริ่มส่งแบบที่ออกไปดำเนินการผลิตในประเทศจีน และ Miuccia Prada แห่ง แฟชั่น เฮ้าส์ Prada กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal เมื่อสามปีที่แล้วว่า “ไม่ช้าก็เร็ว ทุกคนจะทำอย่างนี้เหมือนกันหมด เพราะฝีมือการผลิตในประเทศจีนดีมาก”

แต่ปรากฎว่า เวลานี้นักออกแบบแฟชั่นชื่อดังของจีน กลับส่งแบบไปผลิตในอิตาลี เพราะต้องการป้าย Made in Italy มากกว่า Made in China

Uma Wang นักออกแบบและเจ้าของร้านขายแฟชั่นราคาแพง 58 แห่งทั่วโลก บอกว่า ผลิตภัณฑ์ของเธอนั้น 40% ซึ่งเป็นการออกแบบและทำตัวอย่าง Made in China ในขณะที่ 60% ซึ่งเป็นการผลิตและการบริหารจัดการวัสดุสิ่งของที่ใช้ในการผลิตทั้งหมด Made in Italy

นักออกแบบชื่อดังของจีนผู้นี้บอกว่า ไม่มีปัญหากับฝีมือเย็บในประเทศจีน แต่ผ้าที่ใช้ในการตัดเย็บนั้น ยังไงๆก็ต้อง Made in Italy

XS
SM
MD
LG