แฟนคลับต่างเรียกร้องไม่ให้มาร์เวล สตูดิโอ คัดเลือกนักแสดงนำใหม่เพื่อรับบทกษัตริย์ที-ชาล่า ในภาพยนตร์ “แบล็ค แพนเธอร์” แทนที่แชดวิก โบสแมน นักแสดงชาวอเมริกันที่เพิ่งเสียชีวิตลงด้วยวัย 43 ปี ทำให้ทางสตูดิโอตกที่นั่งลำบากในการวางแผนสร้างภาคต่อของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีนักแสดงผิวดำรับบทส่วนใหญ่เป็นเรื่องแรกของฮอลลีวูดเรื่องนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์พูดคุยกับนักเขียน นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว เกี่ยวกับผลกระทบทางวัฒนธรรมของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมไปถึงบทบาทการแสดงของโบสแมน โดยพวกเขาเห็นว่า มาร์เวลและวอลต์ ดิสนีย์ บริษัทแม่ของมาร์เวล ควรให้เกียรติโบสแมนด้วยการเขียนบทให้แบล็ค แพนเธอร์ คนใหม่มาจากหนึ่งในแสดงชุดเดิม หรือมาจากนักแสดงอื่นในจักรวาลมาร์เวล
จามิล สมิธ นักเขียนอาวุโสของนิตยสารวัฒนธรรมป็อป โรลลิง สโตน กล่าวว่า ทางทีมงานควรเดินตามเส้นเรื่องตามฉบับการ์ตูน และให้บทกับเลทิเทีย สมิธ ผู้รับบทชูริ น้องสาวอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีของกษัตริย์ที-ชาล่า มากขึ้น โดยอาจให้เธอเป็นตัวเดินเรื่องหลัก
ชูริมีบทบาทต่อสู้ไม่น้อยในภาพยนตร์ภาคแรก เธอยังมีคุณสมบัติอย่างความกล้าหาญและความแข็งแกร่งพอที่จะเป็นแบล็ค แพนเธอร์ คนต่อไป และอาจทำให้แฟนคลับยอมรับได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการนำแสดงชายคนใหม่มารับบทกษัตริย์ที-ชาล่า
นิโคล เทิร์นเนอร์ ลี แห่งสถาบันวิจัยบรูคกิงส์ เสนอว่า ความเป็นไปได้อีกทางคือ บทใหม่อาจให้แบล็ค แพนเธอร์ กลับมาในฐานะเด็ก ซึ่งจะเป็นการให้เกียรติต่อผู้ชมเด็กที่มีแบล็ค แพนเธอร์ เป็นฮีโร่ของพวกเขาอีกด้วย
แต่ทางดิสนีย์และมาร์เวลไม่แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว ...
ทั้งนี้ มาร์เวลได้แสดงความไว้อาลัยต่อโบสแมนด้วยการฉายภาพยนตร์แบล็ค แพนเธอร์ แบบไม่มีโฆษณาทางช่องเอบีซีของดิสนีย์ ตามด้วยรายงานพิเศษเกี่ยวกับโบสแมนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ยังรายงานด้วยว่า ผู้บริหารตกใจกับการเสียชีวิตของโบสแมน และมีเพียงไม่กี่คนที่ทราบว่าเขากำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งอยู่
ประเทศวากันดาจะคงอยู่ตลอดไป: คำประกาศของกษัตริย์ ที-ชาล่า
ภาพยนตร์เรื่องแบล็ค แพนเธอร์ สร้างจากตัวการ์ตูนมาร์เวลที่ปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1966 เข้าฉายเมื่อ ค.ศ. 2018 มีต้นทุนสร้าง 200 ล้านดอลลาร์ และกวาดรายได้ถล่มทลาย 1.35 พันล้านดอลลาร์ คว้ารางวัลออสการ์สามรางวัล ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีเดียวกัน และทำให้โบสแมนเป็นที่จดจำ
ทั้งนี้ สำนักข่าวฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ รายงานว่า ก่อนหน้านี้มาร์เวลวางแผนเริ่มผลิตภาพยนตร์ “แบล็ค แพนเธอร์ 2” ในเดือนมีนาคม โดยมีกำหนดเข้าฉายเดิมในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2022
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเปลี่ยนบทนักแสดงนำในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ เช่น แบทแมน สไปเดอร์แมน แต่สำหรับกรณีของแบล็ค แพนเธอร์ ถือเป็นโจทย์หนักของมาร์เวล เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่นำแสดงโดยคนผิวดำที่เป็นที่รักของเหล่าแฟนคลับจากบทบาทกษัตริย์ที-ชาล่า แห่งวากันดา ประเทศแอฟริกันในอนาคต
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความหลากหลายใหม่ในวงการฮอลลีวูดด้วยการมีนักแสดงส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ มีผู้กำกับเป็นคนผิวดำ หลังมีคำวิจารณ์มาหลายปีว่ามีนักแสดงและผู้กำกับผิวสีในวงการน้อยเกินไป
แบล็ค แพนเธอร์ ยังเข้าฉายในขณะที่สหรัฐฯ มีประเด็นร้อนแรงเรื่องเชื้อชาติ โดยขณะนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งคำถามว่าเหตุใดสหรัฐฯ จึงควรรับผู้อพยพจากเฮติและ “ประเทศเส็งเคร็ง” ในทวีปแอฟริกา เมื่อค.ศ. 2017 เขายังเคยกล่าวถึงการปะทะระหว่างกลุ่มคนผิวขาวชาตินิยมและกลุ่มผู้ประท้วงไม่เห็นด้วยในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อสิงหาคมในปีนั้นด้วยว่า ควรตำหนิ “ทั้งสองฝ่าย”
อลัน เจนกินส์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยกฎหมายฮาร์วาร์ด กล่าวว่า แบล็ค แพนเธอร์ สร้างหมุดหมายทางวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยนำเสนอภาพของประเทศแอฟริกันที่ถูกปลดปล่อยจากการล่าอาณานิคม การค้าทาส การถูกเอารัดเอาเปรียบ และเป็นประเทศที่สง่างามและล้ำหน้าทางเทคโนโลยี
เจนกินส์ยังเห็นถึงสารจากภาพยนตร์ แบล็ค แพนเธอร์ ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ชาวอเมริกันผิวดำเผชิญ ทั้งการติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก และทั้งเสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจจับกุม เขาเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เสมือนเป็น “ยาถอนพิษ” จากความเป็นจริงอันเจ็บปวดของคนผิวดำ ทำให้พวกเขามีความหวังถึงโลกที่เป็นธรรมกว่าโลกทุกวันนี้มากขึ้น
