นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันในวันอังคารว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ต่อไปโดยไม่สนว่าจะเกิดข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันกับกลุ่มฮามาสหรือไม่
สำนักงานนายกฯ เนทันยาฮู มีแถลงการณ์อ้างอิงคำพูดของผู้นำอิสราเอลว่า "ความคิดเรื่องการยุติสงครามก่อนที่อิสราเอลจะบรรลุตามเป้าหมายทั้งหมดนั้นไม่อยู่ในการพิจารณา เราจะเดินหน้าเข้าสู่เมืองราฟาห์และกำจัดนักรบฮามาสที่นั่นให้หมดสิ้น ไม่ว่าจะมีข้อตกลงเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม"
เนทันยาฮูเน้นย้ำว่า กองทัพอิสราเอลจำเป็นต้องเข้าไปในเมืองราฟาห์เพื่อเอาชนะกลุ่มฮามาสอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่กลุ่มนี้โจมตีใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 คน และจับผู้คนนับร้อยคนไปเป็นตัวประกันจนถึงตอนนี้
เวลานี้ประชากรส่วนใหญ่ของฉนวนกาซ่าต่างลี้ภัยอยู่ในเมืองราฟาห์ ซึ่งตั้งอยู่ติดชายแดนของอียิปต์ เพื่อหลบหนีการโจมตีของอิสราเอล ขณะที่สหประชาชาติเตือนถึงวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในเมืองดังกล่าวหากอิสราเอลใช้การโจมตีภาคพื้นดินจริงตามที่ประกาศไว้
ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้พูดคุยทางโทรศัทพ์กับประธานาธิบดีอียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิสซี และผู้นำกาตาร์ ชีคทามิม บิน บิน ฮามัด อัล ธานี เพื่อขอให้ผู้นำทั้งสองคนทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อปลดปล่อยตัวประกันซึ่งกลุ่มฮามาสยังคงจับกุมเอาไว้
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะทำงานร่วมกับอียิปต์และกาตาร์ เพื่อผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส โดยชี้ว่าการปล่อยตัวประกันเหล่านั้น คือ "อุปสรรคเดียวที่เหลืออยู่สำหรับการหยุดยิงและบรรเทาวิกฤตของประชาชนในกาซ่า"
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ อียิปต์ และกาตาร์ พยายามไกล่เกลี่ยให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้แทนของอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยข้อเสนอที่กำลังพิจารณาอยู่นั้นรวมถึงการหยุดยิงเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ และกลุ่มฮามาสต้องปล่อยตัวประกันแลกกับทางอิสราเอลที่จะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์เป็นอิสระ นอกจากนี้อิสราเอลยังต้องเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงประชาชนในกาซ่าได้มากขึ้น
เมื่อวันจันทร์ ผู้แทนฮามาสได้พบกับผู้แทนของอียิปต์และกาตาร์ที่กรุงไคโรเพื่อหารือข้อเสนอล่าสุดนี้ ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กำลังเดินทางเยือนตะวันออกกลางรอบใหม่เพื่อพบกับผู้นำของซาอุดิอาระเบีย จอร์แดน และอิสราเอล
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอฟพี และรอยเตอร์
