เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้วที่นักแสดงตลกสัญชาติอเมริกันที่โตที่เมืองบอสตันในสหรัฐฯ อย่าง จอห์นนี่ แซมสัน หรือ จอนนี้ นานาชาติ ได้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนมากมายทั่วประเทศไทย ทั้งจากการแสดงตลกคาเฟ่ตามเวทีต่างๆ การรับบทละครซิทคอมยอดฮิตของเมืองไทยหลากหลายเรื่อง การแสดงภาพยนตร์และเปิดคลับแสดงโชว์ตลกที่เป็นของตนเองอีกด้วย
จอนนี้เล่าให้วีโอเอฟังว่าเขามาเมืองไทยครั้งแรกเพื่อมาเยี่ยมเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้นจากสหรัฐฯ และเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยพายัพที่เชียงใหม่ ในตอนนั้นนั้นจอนนี้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาอยู่ในระหว่างการเรียนหลักสูตรปริญญาตรีทางด้านการแสดงที่ Emerson College ในเมืองบอสตัน
ทั้งนี้ เมื่อสำเร็จหลักสูตรนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้นและควรจะเดินกลับสหรัฐฯ ตามแผน จอนนี้กลับตัดสินใจที่อยู่ที่ประเทศไทยต่ออีก 2 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้สอนภาษาอังกฤษให้แก่คนในพื้นที่มากมาย พร้อมยังซึมซับวัฒนธรรมไทยต่างๆ แต่ในที่สุด เขาเดินก็ทางกลับสหรัฐฯ เพื่อไปคว้าไปปริญญาตรี
หลังคว้าปริญญาตรีมาได้ ความผูกพันที่จอนนี้มีกับประเทศไทยก็ทำให้เขากลับมาเยี่ยมอีกรอบ และคราวนี้นี่เองที่จอนนี้ได้พบกับดาวตลกชื่อดังของคนไทยอย่าง ทองก้อนนานาชาติ (Gold Stone International)
“ตอนนั้นก็เพิ่งเจอกัน มีเพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จักเพราะเขารู้ว่าผมก็เป็นตลก และเขารู้จักทองก้อนด้วย ทองก้อนก็เลยทำทีมที่มีแต่ตลกนานาชาติหมดเลย ไปเล่นด้วยกันครั้งแรก ไม่ได้เตรียมอะไร ไม่ได้คุยกันเรื่องอะไรเลย แค่ขึ้นเวที แล้วเขาก็ร้องเพลง ผมก็พยายามที่จะร้องไปด้วย เพลงอะไรผมยังไม่รู้เลย ร้องไปก่อน อ่า สิบ ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ อ่าผมก็ร้องไปด้วย ทำท่าไปด้วย พยายามจะเล่นครับ...แล้วก็วันนั้นน่ะได้เล่น 5 ที่ด้วย ผมก็รู้สึกอึ้งมากเลย เพราะผมเพิ่งจบปริญญาทางด้านการแสดงด้วย แล้วที่อเมริกาที่บ้านผมบอสตันอ่ะ ผมยังไม่มีโอกาสที่จะเล่น 5 ที่ภายในวันเดียวอ่ะครับ ผมก็ตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ”
ผลงานบันเทิง กว่า 15 ปีในประเทศไทย
สำหรับผลงานในไทยนั้น ในสมัยแรกที่มาถึง จอนนี้ก็เริ่มเล่นตลกคาเฟ่และก็ได้รับเชิญให้ไปออกรายการวาไรตี้ต่างๆ ซิทคอมอย่างบ้านนี้มีรัก เป็นต่อ ลูกพี่ลูกน้อง บางรักซอย 9 รายการ Chris Jobs ของ Thai PBS และอื่นๆ อีกมากมาย
จอนนี้บอกว่าประทับใจที่การเล่นตลกในเมืองไทยมากเพราะเขาบอกว่ามันเป็นการบันทึกสดโดยที่ไม่มีการตัดต่อให้ๆ เลย ส่วนภาพยนตร์ที่เล่นก็มีหลากเรื่องเช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 หลวงพี่เท่ง 2 จนถึง Love Summer รักตะลอนออนเดอะบีช
จอนนี้พูดด้วยท่าทีที่ขบขันว่า “มีคนถามผมตลอดว่าผมจำหน้าพี่ได้นะ พี่เคยเล่นเรื่องอะไรอ่ะ น้อง...พี่จะจำไม่ได้ (หัวเราะ)...แต่ก็มีเรื่องนึงอ่ะที่ผมอยู่ในแก๊งนำนะครับ คือโฆษณาภาษาอังกฤษของเรื่องนี้เขาบอกชื่อผมเป็นนักแสดงคนแรกด้วยครับ ชื่อเรื่องซัมเมอร์รักตะลอนออนเดอะบีชนะครับ”
ฝึกภาษาไทยยังไง จนเล่นตลกได้?
เมื่อดูคลิปของวีโอเอกับจอนนี้ หลายคนจะเห็นว่าตลกชาวอเมริกันหัวใจไทยคนนี้พูดจาได้ฉะฉาน รู้จังหวะจะโคนของภาษา ทั้งยังเข้าใจวัฒนธรรมและบริบทต่างๆ ของสังคมไทยอย่างชัดเจนจนสามารถนำมาคิดมุกขำๆ เพื่อประกอบอาชีพได้
แต่จอนนี้เองบอกว่าเขาไม่ได้เรียนหลักสูตรภาษาไทยเลย แต่ “เป็นคนที่ชอบเรื่องการสื่อสารอยู่แล้วครับ ผมเคยทำการแสดงอยู่หลายประเทศนะครับเคยทำเป็นภาษาสเปนมั่ง ฝรั่งเศสมั่ง เขมรมั่งนะครับ ลาวมั่ง ไทยมั่ง มันคือการสื่อสารนะครับ"
"หลายคนเขาจะคิดว่า ถ้าเล่นตลกให้ฝรั่งฟังดูมันต้องหนึ่งอย่าง เล่นให้คนไทยดูมันต้องอีกหนึ่งอย่าง คือมันมันใช่แต่มันก็ไม่ใช่นะครับ คือแต่ละภาษาก็ไม่เหมือนกันก็จริง แต่ผมถามหน่อยเสียงหัวเราะในแต่ละภาษาเหมือนกันมั้ยครับ เสียงหัวเราะตลกนะครับ แล้วก็การที่จะทำให้คนหัวเราะใครๆ ก็เคยดูชาร์ลีกับมิสเตอร์บีนใช่ไหมครับ คุณไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด คุณก็ฮาได้นะครับ”
Khaosan Comedy Club เวทีที่ตอบโจทย์ตลกหลากเชื้อชาติ
หลังที่ตลกคาเฟ่ก็หมดยุคไปครับ จอนนี้ก็หันมาทำ Stand-up Comedy หรือที่สไตล์ที่คนไทยมักจะคุ้นหูและเรียกว่า "เดี่ยวไมโครโฟน" จอนนี้ก็พยามแสดงตามร้านต่างๆ ในย่านถนนข้าวสารที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชุกชน
“มาจัดที่ข้าวสารได้แล้ว ประมาณ 2-3 ปี ร้านนี้มั่ง ร้านโน้นมั่ง อะไรอย่างงี้ เราไม่เคยได้อะไร มีแต่ร้านที่เราจัดขายของ มีแบ่งให้เราบ้าง ไม่แบ่งให้เราบ้าง ก็แล้วแต่อารมณ์เขา แต่พบคิดว่าทำแบบนี้มันเป็นอาชีพไม่ได้ ผมก็เลยสร้างที่นี่ (Khaosan Comedy Club) ขึ้นมาเป็นอาชีพของตลกหลายๆ คนที่จะมาเล่นที่นี่ได้ จะมีตลกหลายๆ ประเทศมาที่นี่นะครับ ตลกหลายประเทศได้เจอกัน แลกเทคนิคกัน แลกวัฒนธรรมกันนะครับ
Khaosan Comedy Club นั้นเป็นเวทีการแสดงที่จอนนี้เปิดขึ้นมาเพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยนตลกจากหลากหลายภาษา ทั้งอังกฤษ ไทย ฝรั่งเศษ และอื่นๆ อีกมากมาย คนที่ขึ้นมาแสดงตลกและคนที่ซื้อตั๋วเข้าไปดูนั้นก็มาจากประเทศต่างๆ ชั่วโลก อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงอย่างกรุงเทพได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของจอนนี้อย่างมาก
“ตอนแรกเปิดร้านนี้ได้แค่ปีนิดๆ โควิดมาแล้วครับ ผมไปกู้เงินเขามา เหมือนใกล้จะได้ทุนคืนแล้ว โควิดมาพอดี พอมาก็ต้องปิดครับ ตกงานครับ โชคดีนะครับที่ที่เนี่ย เค้ายังไม่บังคับผมเก็บของ ช่วงนี้จ่ายค่าเช่าไม่ได้อยู่แล้ว คิดว่าถ้านักท่องเที่ยวกลับมาก็คงจะหาค่าเช่าได้เป็นเดือนต่อเดือน”
ส่วนเรื่องการเดินทางกลับสหรัฐฯ สักพักเพื่อรอให้สถานการณ์การระบาดของโควิดในเมืองไทยดีขึ้น จอนนี้ตอบว่าเขาไม่มีแผนเดินทางกลับสหรัฐฯ
“หลายคนนะครับที่เคยถามจอห์นว่าทำไมจอห์นไม่กลับบ้าน เมื่อไหร่จอห์นจะกลับใครถามจอห์นจะรู้สึกเสียใจทุกครั้ง เอ้า คุณจะไม่ให้ผมอยู่ต่อเหรอ เค้าก็บอกว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่ ตอนนี้ที่เมืองไทย โควิดมันเยอะ ทำไมคุณไม่กลับอเมริกา เอ้า ก็เมื่อกี้คุณถามผมว่าทำไมไม่กลับบ้าน มาถามผมทำไมไม่กลับอเมริกา ตกลงจะเป็นบ้านหรืออเมริกา เพราะว่ากับพ่อบ้านผมมันอยู่ที่นี่นะครับ”
ทักษะที่ได้จากการเล่นตลก
สุดท้ายนี้เมื่อพูดถึงทักษะที่ได้จากการเล่นตลก จอนนี้ซึ่งก็เป็นอาจารย์สอนคอร์สอบรมเรื่องการแสดงตลกให้ตลกมือสมัครเล่นและผู้ที่สนใจ บอกกับวีโอเอว่า “บางคนเขามาเรียนการแสดงเขาก็ไม่ได้อยากจะเป็นนักแสดงนะครับแต่เขาอยากเอาวิชาแสดงไปใช้ในชีวิตเพื่อทำอย่างอื่นได้ด้วยนะครับ”
ทักษะที่ได้นั้น สรุปคร่าวๆ คือการเรียนรู้บริบทของท่าทางของผู้คน เพิ่มความมั่นใจในการกล้าแสดงออกและการพูดที่ลื่นไหลให้คนเข้าถึงง่าย ทั้งนี้ ยังได้การฝึกพูดและฟังภาษาอังกฤษไปในตัวอีกด้วย